วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

History of Valentine's Day

History of Valentine's Day



วันวาเลนไทน์มาจากชื่อของนักบุญวาเลนไทน์ (St.Valentine) ผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยกษัตริย์ Claudiusที่ 2 แห่งกรุงโรม ในสมัยนั้นกษัตริย์ Claudius ออกกฎ ห้ามให้มีการแต่งงานในเมืองของ พระองค์ เพราะกษัตริย์ ทรงต้องการทำศึกสงคราม ทรงต้องการให้ผู้ชายทุกคนไปเป็นทหาร พระองค์เชื่อว่าถ้าไม่มีการแต่งงานผู้ชาย จะสนใจกับการรบมากขึ้น

นักบุญวาเลนไทน์ขัดบทบัญญัติแห่งกฎหมายของกษัตริย์ ด้วยการเป็นบาทหลวงในพิธีแต่งงานให้หนุ่มสาว ที่ต้องการแต่งงานอย่างลับ ๆ ... และแล้ววันหนึ่งข่าวการทำ พิธีสมรสของนักบุญวาเลนไทน์ก็รู้ถึงหูของพระเจ้า Claudius พระองค์จึงทรงสั่งทหารไปจับเขาไปประหารชีวิต... ระหว่างอยู่ในคุกมีคู่แต่งงานที่ท่านเคยทำพิธีให้หลายคู่ลอบไปเยี่ยมเยียนท่านอย่างสม่ำเสมอ และที่นั่นท่านยังได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็น ลูกสาวของผู้คุมเธอมักมาพูดคุยกับท่าน.... และบอกท่านเสมอ ๆ ว่า การกระทำของท่านถูกต้องแล้ว

นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในปี 296 A.D. ในคุกแห่งนั้นเอง ก่อนตายท่านได้ฝากโน๊ตสั้น ๆ ถึงเพื่อนของท่านและลงท้ายว่า "Love from your Valentine" ...

ในปี 496 A.D. โป๊ป Gelasius ได้ยกย่องให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงคุณความดี ความกล้าหาญ และความเสียสละของนักบุญวาเลนไทน์... เราจึงมักถือเอาวันนี้เป็นวันแห่งความรัก ในระยะต่อมาวันวาเลนไทน์ ใช้แทนความรักของหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ โดยในวันนี้จะมีการส่งขนม (โดยเฉพาะช็อคโกแลต) ดอกไม้ (ส่วนใหญ่จะดอกกุหลาบ) ให้กับคนที่รัก

<-------------------------------------------------------------------------------->



ดอกไม้และความหมายของความรัก




มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราอาจจะคิดว่า ดอกไม้เป็นสิ่งที่สามารถใช้สื่อความหมายเฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิด สามารถสื่อความรักได้หลายรูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย



- กุหลาบแดง (red rose) : ส่วนใหญ่จะใช้ในความหมายแทน
ประโยคที่ว่า ”ฉันรักเธอ” การให้ดอกกุหลาบแดงกับคนที่รัก มีความ
หมายถึง ความรักอันลึกซึ้ง จริงจัง กุหลาบแดงจึงมักจะเป็นดอกไม้
ที่ชายหนุ่มให้หญิงสาวที่ตนเองตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน

- กุหลาบขาว (white rose) : สีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธ์
กุหลาบขาว จึงแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์ใจ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ดังนั้น มันจึงสามารถใช้แทนความรักของคนต่างวัย
ความรักต่อพ่อแม่ เพื่อน หรือคนที่เรารู้สึกดีด้วยอย่างบริสุทธิ์ใจได้


- กุหลาบชมพู (pink rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก
และความเสน่หาต่อกัน การให้ดอกกุหลาบสีชมพู สามารถแสดงถึงความรัก ที่กำลังเริ่มงอกงามในใจ และสามารถพัฒนาต่อไปเป็นความรักที่ลึกซึ้งได้


- กุหลาบเหลือง (yellow rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส
กุหลาบสีเหลือง ถูกใช้สำหรับแทนความรักแบบเพื่อน และความ
สนุกสนานรื่นเริง จึงมักจะนำมันมาประดับตะกร้าสำหรับเยี่ยมผู้ป่วย
เพื่อทำให้คนป่วยรู้สึกสดชื่นรื่นเริงขึ้นนั่นเอง


สำหรับดอกไม้อื่น ๆ ที่ถูกมาใช้แทนความหมายแห่งความรักก็มี ดอก ทิวลิปสีแดง (red tulip) ชาวตะวันตกใช้มันแทนการประกาศความรักอย่างเปิดเผย คล้าย ๆ กับดอกกุหลาบแดง ส่วนดอกคาร์เนชั่นสีชมพู (pink carnation) ใช้สื่อความหมายว่า “ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ” หรือ “คุณยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ”

- ดอกลิลลี่สีขาว (white lilly) แสดงความรักแบบบริสุทธ์ เช่นเดียวกันกับ ดอกกุหลาบขาว นอกจากนั้นลิลลี่สีขาว ยังแสดงถึงความรักแบบอ่อนหวาน จริงใจ และเทอดทูน และมักถูกใช้แทนประโยคที่ว่า “ฉันรู้สึกดี ๆ ที่ได้ได้รู้จัก และอยู่ใกล้คุณ “ สำหรับดอก forget-me–not มีความหมายตรงตัว คือ ได้โปรดอย่าลืมฉัน และอย่าลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน

มาถึงดอกไม้ที่เห็นได้ทั่วไปในบ้านเราบ้าง ดอกทานตะวัน(sunflower) มีความหมายถึงความรักแบบคลั่งไคล้ ความรักแบบบูชา แต่สำหรับชาวตะวันตก ดอกทานตะวันจะหมายถึงความเข้มแข็งอดทน จึงสามารถใช้แทนความรัก ที่ต้องฝ่าฟันกว่าจะได้ความรักมา



จะเห็นได้ว่าดอกไม้เป็นประดิษฐกรรมทางธรรมชาติที่มนุษย์เรานำมาใช้เป็นสื่อแทนความหมาย แห่งความรักได้หลายรูปแบบ การมอบดอกไม้ให้กับคนที่เรามีความรู้สึกพิเศษจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควร มองข้าม... ในวัน Valentine's นี้คุณมีดอกไม้ในใจ ที่จะให้คนที่คุณรักแล้วหรือยัง ??



<-------------------------------------------------------------------------------->

ช๊อกโกแลต กับ วาเลนไทน์





ช็อคโกแลตหนึ่งในสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์....หนึ่งในขนมหวานราคาแพงรสอมตะที่ทุกคนอยากลิ้มลอง...หนึ่งในประติกรรมด้านศิลปทางอาหารชิ้นเอกของโลก....และเป็นหนึ่งในคำตอบของเด็กๆทุกคนทั่วโลกเมื่อเลือกซื้อขนม.....วันนี้ลองมารู้จักกับประวัติความเป็นมาช็อคโกแลตและมาดูกันซิว่าช็อคโกแลตมาเกี่ยวพันกับวันวาเลนไทน์ได้อย่างไร......

ช็อกโกเลตพบเป็นครั้งแรกเมื่อ 4,000 กว่าปีมาแล้วในอาณาจักร Aztec และ Maya โดยเป็นเครื่องดื่มที่ผสมขึ้นมาจากเมล็ดของต้นโกโก้ และเรียกชื่อว่า Cocoatl ซึ่ง Emperor Montezuma นิยามว่าเป็นเครื่องดื่มที่ประทานลงมาจากสรวงสวรรค์เลยทีเดียว ในปี 1528 ซึ่งเป็นปีที่สเปนมีชัยชนะต่ออาณาจักร Aztec และ Maya จึงได้นำ Cocoatl กลับไปยังสเปนด้วยและตั้งชื่อให้ใหม่ว่า cho-co-Lah-tay และในปี 1615 ช็อคโกแลตก็ได้เผยโฉมต่อสังคมของอายรธรรมใหม่เป็นครั้งแรกในงานสมรสของเชื้อพระวงศ์แห่งฝรั่งเศสและจากนั้นก็จึงแพร่หลายเข้าสู่ประเทศอังกฤษ ในเวลาต่อมา ราวๆปี 1765 ช็อคโกแลตก็ได้ไปสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยนาย John Hanan ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก Dr. James Baker ในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่นานโรงงานผลิตช็อคโกแลตแห่งแรกของโลกก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศอเมริกานั่นเอง ช่วงแรกๆ นั้นผู้ที่จะได้ลิ้มรสช็อคโกแลตจะเป็นเพียงผู้สูงศักดิ์หรือระดับเศรษฐีเท่านั้นเพราะว่าราคาแพงที่แสนแพงและถือเป็นของหายากชนิดหนึ่ง จนกระทั่งมีการปฏิวัติในฝรั่งเศสทำให้ระบบศักดินาล่มสลายลง ทำให้ช็อคโกแลตสามารถเข้าถึงประชาชนทั่วไปมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ค้นพบว่า ช็อคโกแลตสามารถรักษาอาการเกี่ยวกับช่องท้องได้ ทำให้ยิ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ในช่วงแรกนั้นช็อคโกแลตยังไม่ได้มีส่วนประกอบมากมายอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ยังคงเป็นเพียงแท่งโกโก้สีดำๆเท่านั้น จนมาภายหลังเมื่อมีการพัฒนามากขึ้นก็สามารถบรรจุส่วนผสมต่างๆ ลงไปได้มากขึ้น เช่น นมผง ครีม คาราเมล หรือ อัลมอนด์ ทำให้ช็อคโกแลตมีรสชาติที่หลากหลายและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน


จากตำนานของช็อคโกแลตที่นาวนานหลายพันปีนั้น ยังไม่พบรายงานใดที่บอกได้ว่าเหตุใดช็อกโกแลตถึงมาเกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันสิ้นชีวิตของ St. Valentine ผู้ที่ศรัทธาในความรักมากกว่าสงครามเลย เพราะก่อนที่ท่านจะสิ้นลมหายใจ ท่านก็ได้มอบเพียง การ์ดใบเดียวพร้อมคำว่า "Love From Your Valentine" เท่านั้นเอง โดยที่ไม่มีช็อคโกแลตแนบไปให้คนรักด้วยแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ก็อาจจะเป็นได้ว่า เนื่องจากในยุคโรมันที่นักบุญวาเลนไทน์ได้เสียชีวิตนั้น ช็อคโกแลตยังเป็นของหายากจึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้ จึงส่งไปพร้อมการ์ดและดอกไม้ ซึ่งสื่อความหมายของความรักมาแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ได้ แล้วก็มอบกันไปมอบกันมาต่อเนื่องยาวนานจนกลายเป็นสัญญลักษณ์อย่างหนึ่งไป และอาจจะรวมไปถึงการที่ช็อคโกแลตเคยได้รับเกียรติเป็นสัญลักษณ์ของ เสรีภาพ มิตรภาพ และสันติภาพ ในช่วงที่ สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงด้วยก็ได้


ไม่มีความคิดเห็น: