วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เคล็ดลับ วิธีดูแลโน๊ตบุ๊คคู่ใจ ให้อยู่กับคุณไปนาน ๆ




วิธีดูแล โน๊ตบุ๊ค คู่ใจ ให้อยู่ข้างกายไปนาน...นาน ไม่ว่าจะเป็น โน๊ตบุ๊ค หรือของใช้อะไรก็ตาม จำเป็นที่เราจะต้องทำความรู้จักสิ่งนั้นให้มากที่สุดเพื่อที่จะได้เรียนรู้ และเข้าใจถึงจุดเด่น ศักยภาพ ความสามารถและข้อจำกัด รวมไปถึงจุดอ่อนที่พึงระวัง

ฉบับ นี้ขอนำข้อมูลจากบทความ "รอบทิศไอที" ของ สุรพงษ์ เกียรติพงสา คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) มานำเสนอเกี่ยวกับวิธีการดูแลโน้ตบุ๊ก เพื่อให้มีอายุการใช้งานไปนาน และคุ้มค่าการลงทุน เช่นต้องดูว่า โน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่นั้นทำมาจากวัสดุแบบไหน แข็งแรงหรือเปราะบางแค่ไหน ถ้าเกิดมีปัญหาที่ตัววัสดุแต่ละชิ้นจะมีอะไหล่ที่หาเปลี่ยนได้ง่ายหรือไม่ การปรับเปลี่ยนเพิ่มอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโน้ตบุ๊กทำได้ง่ายหรือไม่ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องเรียนรู้ให้มากที่สุดก่อน ตัดสินใจซื้อ และการดูแลแหล่งพลังงานของโน๊ตบุ๊คและปลุกให้กระชุ่มกระชวยตลอดเวลาถือเป็น เรื่องสำคัญ

ถ้าอาหาร คือแหล่งพลังงานของคน แบตเตอรี่ก็คือแหล่งพลังงานของ โน๊ตบุ๊ค ดังนั้นจึงควรดูแลแบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คให้ดีเพื่อให้สามารถจ่ายพลังงานให้ กับโน้ตบุ๊กต่อการใช้งานครั้งหนึ่งได้นานๆ ขณะที่บางคนกังวลว่า ควรถอดแบตเตอรี่ออกหรือไม่เวลาต่อ โน๊ตบุ๊คแล้วใช้พลังไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟ โน๊ตบุ๊ค รุ่นใหม่ๆ มีระบบป้องกันแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างดี ทำให้ไม่ต้องกังวลเวลาใช้งาน โน๊ตบุ๊คที่ใส่แบตเตอรี่ทิ้งไว้แล้วต่ออะแดปเตอร์กับไฟบ้าน ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับที่เวลาชาร์จไฟแบตเตอรี่เต็มแล้วต้องถอดอะแดปเตอร์ออก ไหม? หายกังวลได้เลย เพราะแบตเตอรี่รุ่นใหม่ๆ จะมีวงจรที่ช่วยจัดการเรื่องพวกนี้ให้อยู่แล้ว

โดยปกติแบตเตอรี่ โน๊ตบุ๊คจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี แต่กับบางยี่ห้อที่ดีๆ ก็อาจยาวนานไปถึง 6 ปีเลยก็ได้ สำหรับใครที่อยากจะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ไม่เดี้ยงไปซะก่อนครบรอบอายุการใช้งาน มีคำแนะนำดังนี้ อย่างแรกคือ แบตเตอรี่ เป็นพวกไม่ชอบอากาศร้อน เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรเก็บแบตเตอรี่ หรือใช้ โน๊ตบุ๊ค ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน โดยอุณหภูมิที่จะช่วยรักษาสภาพของแบตเตอรี่ไว้ได้ยาวนานคือประมาณ 25 องศาเซลเซียส

อันดับต่อมา เวลาที่จะต้องชาร์จแบตเตอรี่ครั้งใหม่ ไม่ควรรอให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วค่อยนำมาชาร์จ (ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ) ควรชาร์จไฟใหม่ เมื่อมีการใช้งานแบตเตอรี่ไปสักครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 50-60% เพราะจะช่วยไม่ให้เกิดความร้อนสะสมอันเป็นตัวนำมาซึ่งการเสื่อมสภาพของ แบตเตอรี่ และควรระมัดระวังการทำแบตเตอรี่หล่นบนพื้นแข็งๆ หรือเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง เพราะจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของแบตเตอรี่ได้ แบตเตอรี่ปลอมก็เป็นอีกสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงและต้องระมัดระวัง เพราะนอกจากส่งผลต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแล้ว ยังอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานด้วย เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร การไหม้ หรือระเบิดได้

นอกจาก นี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่ผู้ใช้งานโน๊ตบุ๊ค ควรใส่ใจ เพื่อป้องกันปัญหา โดยเฉพาะเรื่อง "ความร้อน" ซึ่งแทบจะเป็นสาเหตุต่างๆ ของปัญหาระหว่างการใช้งานโน๊ตบุ๊คเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการแฮงก์ ค้างไปเฉยๆ ระหว่างการทำงาน เรื่องของพลังงานที่โน๊ตบุ๊คต้องจัดการจ่ายให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่องที่เป็นข้อจำกัด ทำให้ต้องรู้จักจัดการเรื่องการใช้พลังงานภายในเครื่องโน๊ตบุ๊คอย่างดี เพื่อช่วยให้การทำงานที่ราบรื่นและการยืดอายุการใช้งานโน๊ตบุ๊คได้อีกด้วย อย่างเรื่องการแชร์หน่วยความจำเครื่องให้กับหน่วยประมวลผลกราฟิก ควรแชร์ให้เท่าที่ความจำเป็นต่อการใช้งาน ยกตัวอย่าง ใช้โน๊ตบุ๊คพิมพ์งานเอกสารทั่วไป เล่นเน็ต ฟังเพลง ก็แชร์แรมไปให้กราฟิกแค่ 8 Mb ก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าเริ่มดูหนัง เล่นเกมออนไลน์ ก็สัก 16-32 Mb แต่ถ้าเริ่มมีภาพ 3D หรือใช้โปรแกรมกราฟิกเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้อง 64Mb ขึ้นไป หรืออย่างเวลาไม่ได้ใช้งานฟังก์ชั่นไร้สายต่างๆ เช่น Wi-Fi, Bluetooth หรือแม้แต่อินฟราเรด ก็ควรปิดการใช้งานไปซะ จะช่วยลดการใช้พลังงานภายในเครื่องได้อีกเยอะ

ที่มา :ประชาชาติธุรกิจ

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ไขปริศนาเลขบัตรประชาชนไทยทั้ง 13 หลัก อยากรู้มั้ย ว่าแต่ละตำแหน่งหมายถึงอะไร

13 เลขนี้ มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการสำแดงตัวตน “ความเป็นคนไทยหรือคนในประเทศไทย” ที่ทำให้เราสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทย และใช้สิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้


โดย ความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเรียนหรือทำอะไร ตัวเลขก็ล้วนมีเอี่ยว หรือมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคนเราเสมอ และในทางกลับกัน ตัวเลขบางตัวอาจจะทำให้เรามีความสุขขึ้นด้วยซ้ำ เช่น ตัวเลขเพิ่มขึ้นของเงินเดือนหรือโบนัส ตัวเลขในบัญชีรายรับ ตัวเลขมูลค่าเพิ่มของหุ้นที่เราซื้อ ฯลฯ ยกเว้น ตัวเลขดอกเบี้ยเงินกู้ ที่งามโดยไม่ต้องรดน้ำ หรือตัวเลขยอดหนี้ที่ยังไม่จ่าย ส่วนตัวเลขที่น่ารังเกียจอีกตัว คือ ตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นของสาวๆ ที่ยังไม่แต่งงาน เป็นต้น


นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมี “ตัวเลข” ที่ เกี่ยวพันกับความเชื่อต่างๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศอีกหลายตัว เช่น คนไทยถือว่า เลข 9 เป็นเลขมงคล เพราะออกเสียงว่า “เก้า” ที่พ้องกับคำว่า “ก้าว” อันหมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน เราจึงเห็นคนไทยจำนวนไม่น้อย ไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัดเพื่อความเป็นสิริมงคล จนได้กลายมาเป็นการ “ทำบุญ” อีกรูปแบบที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย


สำหรับฝรั่ง เขาจะถือว่า เลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์ หรือเลขอัปมงคล หรือเรียกกันว่า ลัคกี้นัมเบอร์ (Lucky number) สาเหตุมาจากอาหารมื้อสุดท้าย ของพระเยซูคริสต์ ที่เรียกกันว่า เดอะลาสซับเปอร์ (The Last Supper) นั้น มีสาวกร่วมโต๊ะพร้อมกับพระองค์ นับรวมแล้วได้ 13 คนพอดี ครั้นวันรุ่งขึ้นซึ่งตรงกับวันศุกร์ พระองค์ก็ถูกจับตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ เขาจึงถือว่าวันศุกร์ที่ตรงกับวันที่ 13 เป็นวันโชคร้าย


แม้ว่า เลข 13 จะเป็นเลขอาถรรพ์ของฝรั่ง แต่คนไทยโดยทั่วไป ไม่ได้ถือกับตัวเลขดังกล่าว และที่น่าสนใจคือ มี เลข 13 ที่เกี่ยวพันโดยตรงกับคนไทย ซึ่งเชื่อว่า คงมีคนอีกไม่น้อยไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือ เลขประจำตัวประชาชนในบัตรประชาชน หรือที่เดี๋ยวนี้เรียก สมาร์ทการ์ด ที่มีด้วยกัน 13 หลัก และแต่ละหลักก็มิใช่แค่เป็นเพียงจำนวนนับธรรมดาๆ แต่มีความหมายแฝงอยู่ด้วย ซึ่งกลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ขอนำมาเสนอเพื่อเป็นความรู้ ดังนี้


สมมุติว่า เลขบัตรประชาชนของเราเขียนไว้ว่า 1 1001 01245 29 9 (เขียนเว้นวรรค ตามแบบ) แต่ละหลักก็จะมีความหมายดังนี้

หลักที่ 1 (คือหมายเลข 1 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง ประเภทบุคคล ซึ่งมีอยู่ 8 ประเภทได้แก่

ประเภทที่ 1 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย และได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา หมาย ความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 เป็นต้นไป อันเป็นวันเริ่มแรกที่เขาประกาศให้ประชาชนทุกคน ต้องมีเลขประจำตัว 13 หลัก เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือสำนักทะเบียนในเขตที่อยู่ภายใน 15 วันนับแต่เกิดมา ตามที่กฎหมายกำหนด เด็กคนนั้นก็ถือเป็นบุคคลประเภท 1 และจะมีเลขประจำตัวขึ้นด้วยเลข 1 เช่น เด็กหญิงส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2527 และพ่อไปแจ้งเกิดที่เขตดุสิตภายในวันที่ 17 มกราคม 2527 เด็กหญิงส้มจี๊ด ก็จะมีหมายเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 1 และก็ต่อด้วยเลขหลักอื่นๆ อีก 12 ตัว เป็น 1 1001 01245 29 9 เป็นต้น ซึ่งเลขนี้จะปรากฏในทะเบียนบ้าน และจะเป็นเลขประจำตัว เมื่อส้มจี๊ดไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 15 ปี

ประเภทที่ 2 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา หมาย ความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป แล้วบังเอิญว่าพ่อแม่ผู้ปกครองลืมหรือติดธุระ ทำให้ไม่สามารถไปแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตภายใน 15 วันตามกฎหมายกำหนด เมื่อไปแจ้งภายหลัง เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 2 และจะมีเลขตัวแรกในทะเบียนบ้านขึ้นด้วยเลข 2 ทันที เช่น ในกรณีส้มจี๊ด หากพ่อไปแจ้งเกิดให้ ในวันที่ 18 มกราคม 2527 หรือเกินกว่านั้น ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวเป็น 2 1001 01245 29 9 ในทะเบียนบ้าน และเมื่อไปทำบัตรประชาชนในภายหน้า


ประเภทที่ 3 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในสมัยเริ่มแรก (คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527) หมาย ความว่า บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทย มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 คนนั้นถือว่าเป็นบุคคลประเภท 3 และก็จะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 3 เช่น ส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2501 และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแล้ว ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวในทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเป็น 3 1001 01245 29 9


ประเภทที่ 4 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ในสมัยเริ่มแรก หมาย ความว่า คนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าว ที่อาจจะเป็นบุคคลประเภท 3 คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เลขประจำตัว ก็ขอย้ายบ้านไปเขตหรืออำเภออื่น ก่อนช่วงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ก็จะเป็นบุคคลประเภท 4 ทันที เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในสำนักทะเบียนเขตคลองสาน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2527 ส้มจี๊ดก็ขอย้ายบ้านไปเขตดุสิต โดยที่ส้มจี๊ดยังไม่ทันได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสาน พอแจ้งย้ายเข้าเขตดุสิต ส้มจี๊ดก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 4 มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วย 4 กลายเป็น 4 1001 01245 29 9 ทันที แต่ถ้าส้มจี๊ดย้ายจากเขตคลองสานเดิม ไปเขตดุสิต หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 ส้มจี๊ดก็ยังเป็นบุคคลประเภท 3 อยู่ เพราะถือว่าจะได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสานแล้ว จะย้ายอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง


การกำหนดให้บุคคลเริ่มมีเลขประจำ ตัว 13 หลักในทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2527 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 อันเป็นวันสุดท้าย ของการดำเนินการให้ประชาชน ที่ไม่มีเลขประจำตัวในบัตรหรือทะเบียนบ้าน ได้มีเลขประจำตัวจนครบแล้วนั้น ก็เพราะก่อนหน้านี้ ประเทศไทยยังไม่เคยมีการกำหนดเลขประจำตัวดังกล่าวมาก่อนเลย ดังนั้น ช่วงที่ว่าจึงเป็นระยะเวลาจัดระบบให้เข้าที่เข้าทาง เพราะหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 แล้ว ทุกคนจะต้องมีเลขประจำตัวเพื่อสำแดงตนว่า เป็นบุคคลประเภทใด โดยดูตามเงื่อนไขในแต่ละกรณี ซึ่งมีอีก 4 ประเภท คือ


ประเภทที่ 5 คือ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่นๆ เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตดุสิตอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าตอนที่มีการสำรวจรายชื่อผู้อยู่ในบ้าน เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ชื่อของส้มจี๊ดหายไปจากทะเบียนบ้าน เมื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่และตรวจสอบแล้วว่าตกสำรวจจริง หรือจะเป็นเพราะกรณีอื่นใดก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็จะเพิ่มชื่อให้ แต่ส้มจี๊ดก็จะมีหมายเลขในทะเบียนบ้านเป็นบุคคลประเภท 5 และบัตรประชาชนจะขึ้นต้นด้วยเลข 5 ทันที คือ กลายเป็น 5 1001 01245 29 9
ไขปริศนาเลขบัตรประชาชนไทยทั้ง 13 หลัก อยากรู้มั้ย ว่าแต่ละตำแหน่งหมายถึงอะไร

ประเภทที่ 6 คือ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว กล่าว คือ คนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้สัญชาติไทย เพราะทางการยังไม่รับรองทางกฎหมาย เช่น ชนกลุ่มน้อยตามชายแดน หรือชาวเขา กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบุคคลที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ชั่วคราว เช่น นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย แม้บางคนจะถือพาสปอร์ตประเทศของตน แต่อาจจะมีสามีหรือภริยาคนไทย จึงไปขอทำทะเบียนประวัติ เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านสามีหรือภริยา คนทั้งสองแบบที่ว่า ถือว่าเป็นบุคคลประเภท 6 เลขประจำตัวในบัตรจะขึ้นต้นด้วยเลข 6 เช่น 6 1012 23458 12


ประเภทที่ 7 คือ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย คนกลุ่มนี้ในทะเบียนประวัติจะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 7 เช่น 7 1012 2345 133


ประเภทที่ 8 คือ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ผู้ที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย ตั้งแต่หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนปัจจุบัน คนกลุ่มนี้เลขในทะเบียนประวัติจะขึ้นด้วยเลข 8 เช่น 8 1018 01234 24 7


คนทั้ง 8 ประเภทนี้ จะมีเพียงประเภทที่ 3, 4 และ 5 เท่านั้น ที่จะมีบัตรประชาชนได้เลย ส่วนประเภทที่ 1 และ 2 จะมีบัตรประชาชนได้ ก็ต่อเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ทำบัตรประจำตัวประชาชน คืออายุ 15 ปี แต่สำหรับบุคคลประเภทที่ 6, 7 และ 8 จะมีเพียงทะเบียนประวัติเล่มสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการออกบัตรประชาชนให้

ต่อไปคือ หลักที่ 2 ถึงหลักที่ 5 (เลข 1001 ในตัวอย่างหรือสี่ตัวถัดไปจากตัวแรก) จะหมายถึง รหัสของสำนักทะเบียน หรืออำเภอที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนขณะที่ให้เลข ซึ่งก็หมายถึงถิ่นที่อยู่ของเรานั่นเอง กล่าวคือ เลขหลักที่ 2 และ 3 จะหมายถึงจังหวัดที่อยู่ ส่วนหลักที่ 4 และ 5 หมายถึงเขตหรืออำเภอในจังหวัดนั้นๆ เช่น ถ้าเขียนว่า 1001 ก็หมายถึงว่า คุณอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ในเขตดุสิต เพราะ 10๐ ในหลักที่ 2 และ 3 หมายถึงกรุงเทพมหานคร ส่วนเลข 01 ในหลักที่ 4 และ 5 คือรหัสของสำนักทะเบียนเขตดุสิต หรือถ้าเขียนว่า 1101 ก็จะหมายถึง อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมือง เพราะ 11 แรกคือ รหัสจังหวัดสมุทรปราการ และ 01 หลัง คือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นต้น

สำหรับ หลักที่ 6 ถึงหลักที่ 10 (เลข 01245 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง กลุ่มที่ของบุคคลแต่ละประเภท ตามหลักแรก (หลักที่ 1) ซึ่งทางสำนักทะเบียนในแต่ละแห่ง ก็จะจัดกลุ่มเรียงไปตามลำดับ หรือหากเป็นเด็กเกิดใหม่ในปัจจุบัน เลขดังกล่าวก็จะหมายถึง เล่มที่ของสูติบัตร (ใบแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตออกให้) ซึ่งก็คือเลขประจำตัวในทะเบียนบ้านของเด็กที่แต่ละอำเภอหรือเขตออกให้ และจะไปปรากฎในบัตรประชาชน เมื่อถึงอายุต้องทำบัตรนั่นเอง แต่ถ้ายังไม่ถึงเกณฑ์เลขนี้ ก็จะปรากฏอยู่แค่ในทะเบียนบ้านของเด็กเท่านั้น


หลักที่ 11 และ 12 (หมายเลข 29 ในตัวอย่างสมมุติ) จะหมายถึง ลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท เป็นการจัดลำดับว่าเราเป็นคนที่เท่าไรในกลุ่มของบุคคลประเภทนั้นๆ


หลักที่ 13 (เลข 9 ตัวสุดท้ายในตัวอย่าง) จะหมายถึง ตัวเลขสำหรับตรวจสอบความถูกต้องของเลขทั้ง 12 หลักแรกอีกที


สำหรับ เลขตั้งแต่หลักที่ 6 ถึง 13 นี้เป็นการจัดหมวดหมู่ และเรียงลำดับบุคคลในแต่ละประเภทของสำนักทะเบียนในแต่ละท้องที่ ซึ่งเราก็คงไม่ต้องรู้รายละเอียดอะไรลึกไปกว่านี้ เพราะรู้แล้วอาจจะงงเปล่าๆ


เป็นเรื่องน่าแปลกว่า ตัวเลข 13 หลักที่เป็นหมายเลขในบัตรประชาชน หรือเลขประจำตัวประชาชนของเราแต่ละคนนี้ จะไม่มีการซ้ำกันเลย ผิดกับชื่อหรือนามสกุล ยังมีซ้ำกันได้ และจะเป็นเลขประจำตัวเราจนตาย ไม่มีการเปลี่ยน หรือยกให้คนอื่น และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ในอนาคตจะต้องมีการเติมเลข อย่างเลข 8 เข้าไปอีก เพราะเลขไม่พอใช้เหมือนโทรศัพท์มือถือหรือไม่ เขาก็บอกว่าคงอีกนาน อาจจะถึง 100 ปีโน่น เพราะการที่เขาแยกแยะบุคคลเป็นประเภทต่างๆ และยังแยกย่อยเป็นจังหวัดอำเภอ แล้วลงรายละเอียดไปเป็นกลุ่มๆในแต่ละประเภทอีกนั้น ทำให้เพดานหรือช่วงตัวเลขมีความห่างมาก จนสามารถรองรับจำนวนคนได้อีกมาก และหากใครสงสัย หรือมีปัญหาในเรื่องทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส บัตรประชาชน ก็สามารถสอบถามไปได้ที่ สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โทร. 1548


ตัวเลข 13 หลักที่กล่าวข้างต้น เป็นเลขประจำตัวประชาชนของแต่ละคนนี้ แม้จะมิใช่ตัวเลขที่เราต้องใช้เป็นประจำในชีวิตประจำวัน ยก

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

รักแท้ของชายคนหนึ่ง


ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง.. มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก
ฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน
เวลาผ่านไป จนทั้ง สองอยู่ มหาวิทยาลัย
ฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบ ผู้ชายคนนึง และได้ถามเพื่อนชายว่า
"นี่ เธอ ว่า เค้าเหมาะกับเราไหม"
"เค้าก้อ หล่อดีนะ นิสัยก็ดีด้วย "
"เหรอ! อืม อยากให้เค้ามานั่งอยู่ข้างๆ เราจังเลยเนอะ"
ต่อมาไม่นาน หญิงสาวก็ได้เป็นแฟน กับผู้ชายคนนั้นจริงๆ
วันนึงหญิงสาวบอกกับ เพื่อนชายของตนว่า
"นี่ เธอ ไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว
เราไม่อยากให้ เค้าเข้าใจ ผิดน่ะ"
"อืม" ฝ่าย ชายตอบรับ และเขาก็ไม่ได้ไปส่งหญิงสาวอีก
ต่อมาหญิงสาวเกิดทะเลาะกับแฟน ของตน
จึงมาปรึกษาเพื่อนชาย
ว่า
"เธอ! เด๋ว นี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ
เธอว่า... เราจะทำอย่างไร ดีหล่ะ!"
"ก้อ เธอ ยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายถาม
"ก้อรักสิ และก้อรักมากด้วย"
"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ ก้อเธอรักเค้านี่หน่า"
"อืม ม" หญิงสาวทำตามคำแนะนำของเพื่อนชาย
หลังจากนั้น ... วันหนึ่ง
ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่ม เดินกลับบ้าน เค้าเห็นหญิงสาว
นั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง
"เธอ เป็น อะไรหน่ะ ทำไมถึงร้องไห้ มีอะไรให้เราช่วยไหม"
"เค้าไม่ รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป
เด๋วนี้เขาไม่เคยมาส่งเรา ที่บ้านเลย"
"แล้วเราจะ ช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"
"ช่วยอยู่ กับเราซักพักได้ไหม?" หญิงสาวร้องขอ
ก้อได้ซิ! ทำไมจะไม่ได้หล่ะ
ทั้งสองได้นั่งอยู่ด้วยกัน โดยไม่พูดจาอะไรกันเลย
ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ย ขึ้นมาว่า
"เราควรจะ ทำอย่างไรดี เธอจะช่วยบอกเราได้ไหม
ว่าเราควรจะทำอย่างไร
ดี"
"เธอยังรัก..เขาอยู่หรือป่าวหล่ะ"
"รักสิ เรา รักเค้ามากเลย"
"แต่เค้า ไม่รักเราเลยนี่หน่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ
"แต่เธอก็รัก..เขาไม่ใช่เหรอ"
และชายหนุ่มก็ไปส่งหญิงสาว ที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน
"ถ้า เมื่อไหร่...ก็ตาม
ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน อย่าลืมเรียกเรา นะ"
"อืม" และ หญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป

ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้ รับโทรศัพท์จากหญิงสาว
"เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"
เสียงของหญิงสาวดูช่าง อ่อนล้า และหมดกำลัง
เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่
ชายหนุ่มได้ไปหาเธอและพาเธอมาส่งบ้าน
เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้น เหมือนที่เคยถามมา ...
"เราจะทำอย่างไรต่อไปดี"
เราไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว..ดูยังไง ๆ เขาก็เหมือนไม่ได้รักเราเลย
"แล้วเธอเลิก รักเค้าแล้วเหรอ"
"ป่าว! เรา ยังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่เหมือนเดิม"
"งั้นก็ เหมือนที่เราเคยพูดไว้
จงรักเขาต่อไป..แม้มันจะเจ็บบ้างก็ตาม
เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่า เขาจะรักเธอไหม..? แต่ถ้าเธอยังรักเขา
เธอก็คงทำได้แค่เพียงรักเขา...และจงรักเขาให้มากกว่าเดิม
เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าเธอรักเขามาก และก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
มีแต่เพิ่มมากขึ้น"
อือ ม..แล้วหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป และในที่สุดวันที่เธอเรียนจบก็มาถึง
เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ
เธอรู้สึกแปลกใจมาก ที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอ ยังเรียนไม่จบ
เธอถามเขาว่า ทำไม..?
ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้ เกียจไปหน่อย
ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชา หนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ
หญิง สาวแปลกใจ เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน
แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ..
และต่อมาไม่นานแฟนของหญิงสาว ก็ได้มาขอเธอแต่งงาน
เนื่องด้วยเห็นถึงความรัก ที่หญิงสาวมีให้
หญิงสาวจึงได้ไปชวนเพื่อนชาย เพื่อให้มางานแต่งของเธอ
"เราไม่ว่างจริงๆ เราติดธุระน่ะ!
ขอโทษด้วยนะ"

เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำ เสียงแผ่วเบา
หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ เพื่อนชายไม่ยอมมางานแต่ง จึงวางหูกระแทกไป
แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจ เมื่อวันที่เธอแต่งงาน
ชายหนุ่มได้มาปรากฎตัวก่อนที่งาน แต่งจะจบลง
"ยินดีด้วย นะ เรามาแล้วหล่ะ"
หญิงสาวดีใจมากที่เห็นเพื่อนชาย ของเธอมา
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
เธอรู้สึกมีความสุขมาก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาไม่ได้
และเพื่อนชายก็พูดว่า เธอมีอะไรให้เราช่วยไหม..?
ยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม..
...........................
ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุข กับชีวิตแต่งงานของเธอ
จนไม่มีเวลาได้ติดต่อกับเพื่อนชายอีกเลย
จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ ทะเลาะกับสามีของตน
หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงเพื่อนชายขึ้นมา
แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปหาเท่าไหร่?
ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย
เขาจึงโทรไปหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น
เพื่อนของชายหนุ่มเล่า ว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย เขาไม่สามารถไปไหนได้
ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล... มาร่วมหลายเดือนแล้ว
หญิงสาวตกใจมาก ถามว่า..เขาเป็นอะไร?
เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการเขากำเริบ เพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด
ชายหนุ่มดัน ...หายตัว ไปเฉย ๆ โดยไม่มีใครรุ้
และเพื่อนของชายหนุ่ม ก็ยังบอกอีก ว่า ..."มันเป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ
มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ในช่วงเวลาสำคัญๆ
คราวที่แล้วตอนสอบไล่ มันก็หายตัวไปจากห้องสอบเฉยเลย"
ไม่รู้มันหายไปไหน..ถามใคร ก็ไม่มีใครรู้
หญิงสาวตกใจมาก เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว
หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่ม ที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูเข้าไป
ก็ต้อง ตกใจ ! ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มี แรง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจ ทักทาย
เธอเป็นการใหญ่
"เป็นอย่าง ไรมั่ง ไม่เจอกันตั้งนานเลยน่ะ"
หญิงสาวนิ่งเงียบซักพัก น้ำตาหญิงสาวก็ไหลออกมา
"อ้าวร้อง ไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วเหรอ
จะให้เราช่วยอะไรไหม...?
แต่เราก็คงจะแนะนำเธอ ได้เหมือนเดิมนะ"
หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วก็บอกกับชายหนุ่มว่า

วันที่เธอ มารับเราเป็นวันสอบไล่เธอใช่ไหม..?"
ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น กลับนิ่งเงียบไป
หญิงสาวจึงพูด ต่อ...

"และวันที่ เธอต้องผ่าตัดใหญ่ เธอกลับมางานแต่งงานของเราใช่ไหม..?"
ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไร อีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม

หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น
มองแต่คนอื่นเรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ ไหน
เรารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วก็บอก
กับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า

"เราบอกเธอ แล้วไง..ถ้าเรารักใครสักคน เราก็ต้องรักเขาให้มากๆ
และมากขึ้นกว่าเดิม
มันไม่สำคัญหรอก..ว่าเขาจะรักเราหรือไม่
มันสำคัญแค่เพียงว่า..เรายังรักเธออยู่หรือเปล่า
แค่เราสามารถช่วยเธอได้ นั่นมันก็เป็นความสุขของเราแล้ว
ต่อให้เราจะเจ็บสักแค่ไหน..เราก็ยังรักเธอต่อไป
และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลง..

หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก นั่งร้องไห้โฮ...อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มจึงพูด... ขึ้น ว่า

"ถ้าเราหาย เมื่อไหร่... เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อินเทล สาธิตประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม “มอรส์ทาวน์” ตัวแรกของโลก

อินเทอร์เน็ตยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และให้ประสบการณ์ที่หลากหลาย
-------------------------------------------------------------------------------------


อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรัม กรุงไทเป ไต้หวัน 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551 – แอพพลิเคชั่นและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับอินเทอร์เน็ตนั้น นอกจากจะต้องการแพลตฟอร์มที่เป็นมาตรฐานแล้ว ยังจำเป็นต้องใช้แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งได้สะดวก ซึ่งเป็นเป็นประโยชน์ต่อการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ โดย อนันด์ จันทราเซเคอร์ ผู้บริหารของอินเทลได้ระบุว่าสถาปัตยกรรมอินเทลเป็นมีองค์ประกอบพร้อมสำหรับการผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในอนาคต

ในงาน อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรั่ม (ไอดีเอฟ) ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไต้หวัน อนันด์ จันทราเซเคอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มอัลตร้า โมบิลิตี้ ของอินเทล บรรยายให้เห็นว่านวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความร่วมมือที่แข็งแกร่งในวงการอุตสาหรกรรมนี้ได้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาอย่างไร รวมทั้งผลที่เกิดขึ้นหลังจากที่อินเทอร์เน็ตและโมบายล์เว็บเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันของเรา

อนันด์ กล่าวว่า “นวัตกรรมของเทคโนโลยีจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดประสบการณ์และโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในแวดวงอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดทิศทางอนาคตในอีก 40 ปีข้างหน้า และเมื่อประชากรอีกพันล้านคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสอีกมหาศาลให้กับผู้บริโภค จากการนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่เน้นตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก มาใช้เพื่อตอบสนอบความต้องการด้านการประมวลผลและประสบการณ์ที่หลากหลาย”
อนันด์ กล่าวถึง อินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ และโปรเซสเซอร์ที่ใช้สถาปัตยกรรมชื่อรหัส “เนฮาเล็ม” ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ รวมทั้ง แพลตฟอร์มที่ใช้ชื่อรหัส “มอรส์ทาวน์” (Moorestown) ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในช่วง พ.ศ. 2552-2553 ว่า เป็นตัวอย่างที่ดีของนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี นอกจากนั้นเขายังได้เน้นย้ำถึงความก้าวหน้าของแผนการณ์ของบริษัทอินเทล ในการเจาะกลุ่มตลาด MID ด้วยการสาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม “มอรส์ทาวน์” ตัวแรกอีกด้วย

แพลตฟอร์ม “มอรส์ทาวน์” ประกอบด้วย ซิสเต็ม-ออน-ชิป (SOC) ที่มีชื่อรหัสว่า “ลินครอฟท์” (Lincroft) ซี่งประกอบด้วยโปรเซสเซอร์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 45 นาโนเมตร กราฟิก และตัวควบคุมความจำรวมทั้ง การเข้ารหัสและถอดรหัสไฟล์วิดีโอ ไว้ในชิปชิ้นเดียว นอกจากนั้นยังมี Hub สำหรับ I/O ที่รองรับ I/O ได้หลายพอร์ต ซึ่งมีชื่อรหัสว่า แลงก์เวลล์ (Langwell) โดยสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สาย สตอเรจ และส่วนประกอบเพิ่มเติมอื่นๆ เพื่อเพิ่มการทำงานนอกเหนือจากส่วนที่ถูกรวมไว้อยู่แล้ว อนันด์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าอินเทลอยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อลดการใช้พลังงานของแพลตฟอร์ม “มอรส์ทาวน์” ให้น้อยกว่าอุปกรณ์ MID รุ่นแรกที่ใช้อินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ 10 เท่า

อนันด์กล่าวเสริมว่า แพลตฟอร์ม “มอรส์ทาวน์” จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาที่เป็นนวัตกรรม และน่าตื่นเต้น ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารสำหรับสมาร์ทโฟนอีกด้วย โดยอนันด์ยังชี้ให้เห็นว่า แพลตฟอร์ม “มัอรส์ทาวน์” จะสามารถรองรับเทคโนโลยีไร้สายที่หลากหลายรวมถึง 3G ไวแมกซ์ ไวไฟ GPS เทคโนโลยีบลูธูท และโมบายล์ทีวี เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้ว อนันด์ ได้ประกาศถึงความร่วมมือกับบริษัท อีริคสัน* ในการนำโมดูลข้อมูล HSPA มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในแพลตฟอร์ม “มอรส์ทาวน์ “ โดยเขาได้ประกาศว่า Option* กำลังเพิ่มขอบเขตความร่วมมือสำหรับ โมดูล HSPA ไปยังแพลตฟอร์ม “มอรส์ทาวน์” ด้วยเช่นกัน โมดูล 3G เหล่านี้ มีขนาด เพียง 25x30x2 มิลลิเมตร ซึ่งตอบสนองความต้องการในด้านพลังงานของ แพลตฟอร์ม “มอรส์ทาวน์” ได้อย่างสูงสุด และจะช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์ MID สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา

นวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ เคิร์ก สกาวเกน ผู้จัดการทั่วไปสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเดสก์ท้อปคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฮเอนด์ ซึ่งใช้อินเทล คอร์ ไอเซเว่น โปรเซสเซอร์ ที่จะเริ่มวางตลาดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ว่า เดสก์ท็อปแบบไฮเอนด์เหล่านี้จะให้ประสิทธิภาพการทำงานที่โดดเด่นสำหรับการเล่นเกมส์ และแอพพลิเคชั่นสำหรับการสร้างคอนเทนท์ สกาวเกินยังได้กล่าวถึงอินเทล วีโปร เทคโนโลยี สำหรับเดสก์ท้อปที่มีชื่อรหัสว่า “ไพค์ทาวน์” (Piketown) และสำหรับโน้ตบุ๊กมีชื่อรหัสว่า “คาลเพลลา” (Calpella) รุ่นใหม่ที่จะมีการเปิดตัวในปี พ.ศ. 2552 นี้ จะใช้โปรเซสเซอร์เนฮาเล็ม และจะช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถใช้นวัตกรรมสำหรับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ จะมีการใช้สถาปัตยกรรมไมโครอาร์คิเทคเจอร์ เนฮาเลมสำหรับผลิตภัณฑ์หลายกลุ่ม โดยเริ่มแรกจะเป็นอินเทล คอร์ ไอเซเว่น โปรเซสเซอร์ และตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นประสิทธิภาพการทำงาน ที่มีชื่อรหัสว่า เนฮาเล็ม-อีพี (Nehalem-EP) รวมทั้งเซิร์ฟเวอร์แบบ expandable ที่มีชื่อรหัสว่า เนฮาเล็ม-อีเอ็กซ์ (Nehalem-EX) รวมทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับเดสก์ท็อปและโมบายล์ (ชื่อรหัสว่า ฮาเวนเดล (Havendale), ลินน์ฟิลด์ (Lynnfield) อูเบอร์นเดล (Auburndale) และ คลาร์คส์ฟิลด์ (Clarksfield) ตามลำดับ) ซึ่งจะเริ่มผลิตในช่วงครึ่งปีหลังของปีพ.ศ. 2552 สกาวเกน ยังได้ประกาศว่า ไอบีเอ็ม และอินเทลจะร่วมมือกันต่อไปเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับตลาดของเบลดเซิร์ฟเวอร์อีกด้วยเกี่ยวกับอินเทล

อินเทล (NASDAQ:INTC) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านนวัตกรรมซิลิกอน สร้างสรรค์เทคโนโลยี สินค้า รวมทั้งการริเริ่มต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและการทำงานของผู้คนอย่างต่อเนื่อง ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินเทลได้ที่ www.intel.com/pressroom/ และ blogs.intel.com/

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

8 วิธี...เคลียร์สมองใสในออฟฟิศ

บ่อยครั้งที่พอสมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก หรืออารมณ์ไม่ดี เรามักจะเป็นประเภทรำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง คือเฟ้นหาสาเหตุจากปัจจัยภายนอก ก่อนที่จะตั้งคำถามเช็กสมรรถภาพกับตัวเอง แล้วความจริงก็ชอบแสดง ให้เห็นว่า หลายปัญหาคาใจ แท้จริงแล้วมีคำตอบอยู่ข้างหน้านั่นเอง แบบว่า…เป็นเส้นผมบังภูเขาแท้ๆ เชียว


เอาเป็นว่า ถ้าวันนี้ใครรู้สึกว่าสมองแล่นช้า สลับหยุดนิ่ง ก่อนจะหันไปแว้ดเพื่อน หรือหาทางออกจากอะไรๆ รอบตัว ลองมาเช็กและ Restart ระบบภายในร่างกายกันก่อน ด้วย 8 ทิปส์ ที่ทำได้ในออฟฟิศ


1. เพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงานสมอง : เขียนเลข 8 ในอากาศ ด้วยมือทั้งสองข้างๆ ละ 5 ครั้ง โดยเริ่มจากด้านซ้ายของเลขก่อน แล้วเขียนวนไปให้เป็นเลข 8 วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการอ่าน การทำความเข้าใจ ดีขึ้น และทำให้สมองด้านซ้ายและด้านขวาประสานงานกัน


2. หล่อเลี้ยงสมองด้วยน้ำเปล่า : วางขวดน้ำไว้ใกล้ๆ โต๊ะของคุณเป็นประจำ และคอยจิบทีละน้อย วิธีนี้จะช่วยให้จิตใจและร่างกายของคุณ ตื่นตัวตลอดเวลา สมองเปิดว่าง สามารถรับสารหรือข้อมูลได้ดี เพราะน้ำจะช่วยปรับสารเคมีที่สำคัญในสมองและระบบประสาท ถ้าเวลาที่รู้สึกเครียด จึงควรจิบน้ำเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยงระบบของร่างกาย

3. นวดใบหูกระตุ้นความเข้าใจ : นั่งพักสบายๆ แตะปลายนิ้วทั้ง สองข้างที่ใบหู เคลื่อนนิ้วไปยังส่วนบนของหู จากนั้นบีบนวดและคลี่รอยพับ ของใบหูทั้งสองข้างออก ค่อยๆ เคลื่อนนิ้วลงมานวดบริเวณอื่นๆ ของใบหู ดึงเบาๆ เมื่อถึงติ่งหู ดึงลง ให้ทำซ้ำกัน 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการได้ยิน และทำให้ความเข้าใจดีขึ้น เพราะเป็นการคลายเส้นประสาทบริเวณใบหูที่เชื่อมสมอง

4. บริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่ : ใช้มือซ้ายจับไหล่ขวา บีบกล้ามเนื้อให้แน่นพร้อมหายใจเข้า จากนั้นหายใจออกและหันไปทางซ้ายจนสามารถ มองไหล่ซ้ายของตัวเอง จากนั้นสูดลมหายใจลึกๆ วางแขนซ้ายลงบนไหล่ขวา พร้อมกับห่อไหล่ ค่อยๆ หันศีรษะกลับไปตรงกลางและเลยไปด้านขวา จนกระทั่ง สามารถมองข้ามไหล่ของคุณได้ ยืดไหล่ทั้งสองข้างออก ก้มคางลงจรดหน้าอกพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อของคุณได้ผ่อนคลาย เปลี่ยนมาใช้มือขวาจับไหล่ซ้ายบ้าง และทำซ้ำกันข้างละ 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตรงส่วนลำคอและไหล่ การได้ยิน, การฟัง และช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานานอีกด้วย

5. นวดจุดเชื่อมสมอง : วางมือข้างหนึ่งไว้บนสะดือ มืออีกข้างหนึ่งใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้วางบนกระดูกหน้าอกบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า และค่อยๆ นวดทั้งสองตำแหน่งประมาณ 10 นาที วิธีนี้จะช่วยลดความงงหรือสับสน กระตุ้นพลังงาน และช่วยให้มีความคิดแจ่มใส

6. บริหารขา : ยืนตรงให้เท้าชิดกัน ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลัง โดยยกส้นเท้าขึ้น งอเข่าขวาเล็กน้อยแล้วโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ก้นของคุณจะอยู่ในแนวเดียวกับ ส้นเท้าขวา สูดลมหายใจเข้าและผ่อนออก ในขณะที่ปล่อยลมหายใจออกนี้ ค่อยๆ กดส้นเท้าซ้ายให้วางลงบนพื้นพร้อมกับงอเข่าขวาเพิ่มขึ้น หลังเหยียดตรง สูดลมหายใจเข้าแล้ว กลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนจากขาข้างซ้ายเป็นข้างขวา ทำแบบเดียวกันทั้งหมด 3 ครั้ง การบริหารท่านี้เหมาะสำหรับปรับปรุงสมาธิ รวมทั้งช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่านหนังสือ และยังช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขา และกล้ามเนื้อน่องผ่อนคลายอีกด้วย

7. กดจุดคลายเครียด : ใช้นิ้ว 2 นิ้ว กดลงบนหน้าผากทั้งสองด้าน ประมาณ กึ่งกลางระหว่างขนคิ้ว และตีนผม กดค้างไว้ประมาณ 3-10 นาที วิธีนี้จะช่วยคลายความตึงเครียดและเพิ่มการหมุนเวียนโลหิตเข้าสู่สมอง

8. บริหารสมองด้วยการเขียน : เขียนเส้นขยุกขยิกด้วยมือทั้งสองข้าง พร้อมๆ กัน ลายเส้นที่เขียนอาจจะดูเพี้ยนๆ แต่ได้ผลดีต่อระบบสมองเป็นอย่างดีทีเดียว วิธีนี้จะช่วยให้เกิดการปรับปรุงการประสานงานของสมอง ด้วยการทำให้สมองทั้งสองซีกทำงานพร้อมกัน และเพิ่มความชำนาญด้านการสะกดคำ คำนวณดี และรวดเร็วขึ้นอีกด้วย

เป็นไปได้จริง ที่เส้นผมสามารถบังภูเขาทั้งลูกได้ ถ้าสายตาไม่มีสติกำกับ ดังนั้น ประตูบานแรกที่จะทอดนำไปสู่การหลุดพ้นแห่งความทุกข์ ปัญหาคือสภาพจิตใจที่สมบูรณ์จากภายใน จำง่ายๆ ว่า เมื่อใดสติเกิด สมองก็บรรเจิด และแน่นอนว่าผลของงานก็จะเริดขึ้นทันใด

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Log File

ช่วงนี้ "ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต" คนไหนไม่สนใจ หรือไม่ตามประเด็นร้อนเกี่ยวกับ "ประกาศ/กฎกระทรวง" จัดเก็บ Log file ที่กระทรวงไอซีทีซุ่มเงียบเชียบคิดเขียน หวังประกาศมาตรการเฉียบออกมาเนียน ๆ บังคับเข่นคอผู้ประกอบการ คงเชยพิลึก

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ฉบับนี้ จะว่าไปก็เปรียบเสมือน "กฎหมายสูงสุด หรือ ธรรมนูญการปกครองของพลเมืองออนไลน์" ที่จะคอยกำหนดภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบต่าง ๆ ให้กับมหาชนคนเล่นเน็ท ดังนั้น ใครใช้คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต แต่ไม่สนใจกฎหมายตัวนี้เลย ก็จะไม่ต่างกับกรณีที่"คนไทยไม่ยอมสนใจศึกษาสิทธิ และหน้าที่ของตัวในรัฐธรรมนูญ" สุดท้ายก็โดนทหารออกมายึดอำนาจ ออกประกาศกดหัวทุก ๆ 10 ปี นั่นแหละ

หลังจากร่าง ลบ ตบ เฉือน กันมาหลายปี เมื่อไม่นานมานี้มันก็โดนรัฐบาลหลังการรัฐประหาร ทั้งผลักทั้งดันออกมาจนได้ ถ้าจำไม่ผิดประกาศในราชกิจ ฯ วันที่ 18 มิถุนายน 2550 แล้วนับจากนั้นอีก 30 วันก็เป็นอันเริ่มใช้บังคับ กฎหมายฉบับนี้ (รวมทั้งประกาศที่กำลังจะออก) มีเรื่องทางเทคนิค, ประเด็นภาระหน้าที่ของผู้ประกอบการ และ ช่องทางที่เปิดโอกาส ให้เกิดการใช้อำนาจแบบสามานย์ ประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก แต่...
(เท่าที่ทราบ และพอสืบค้นข้อมูลมาได้) มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ ทีมเทคนิคร่วมกันร่าง (จริงๆ) อยู่เพียงไม่กี่คน เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ประกอบการ และผู้เกี่ยวข้องภาคอื่น ๆ ที่ต้องได้รับผลกระทบจากกฎหมายฉบับนี้

หากจะกล่าวเรื่องทั้งหมด (ทั้งฉบับ) กันโดยพิสดาร (มีสักกี่คนกันหรือครับ ที่รู้ว่า การร่างครั้งสุดท้ายด้วยเวลาเพียงไม่กี่เดือน กฎหมายฉบับนี้มีฐานความผิด กับ อำนาจใหม่เพิ่มให้เจ้าหน้าที่รัฐฉวยใช้ ตั้งสองสามมาตรา) คงต้องรอบล็อกตอนอื่น (ตามโอกาส) ครั้งนี้ขอจับประเด็น ผลกระทบต่อ "ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต" ซึ่งก็คงจะยาวหลายวาแล้ว (หลายคนรีบจิ้มหนีไป)

ผู้ให้บริการ ทั้งหลายครับ ในเบื้องต้นก่อน มาตราในพรบ. ฯ ที่กำลังจะเกี่ยวพันกับตัวท่าน คือ มาตราเหล่านี้
มาตรา 3 [...]

“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบ คอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกําเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น

“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า

(1) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่น ในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกัน โดย ประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนาม หรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น

(2) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น

มาตรา 26 ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจําเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการ ผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวันแต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้

ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จําเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง

ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
และขอชี้ให้เห็นปัญหาโดยสังเขปเป็นประเด็น ๆ ไปดังนี้

1. Content Service Provider และประเภทข้อมูลที่ต้องจัดเก็บตามร่าง ฯ ประกาศ

1.1 บังคับผู้ให้บริการผิดประเภท และ/หรือ กำหนดให้จัดเก็บข้อมูลในลักษณะซ้ำซ้อน

ตามหัวข้อผมขอกล่าวถึง ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตประเภทที่ใกล้ตัว (ผมและน่าจะท่านผู้อ่านอีกหลายคนด้วย) ที่สุด เป็นหลัก กล่าวคือ Content Service Provider ซึ่งถูกระบุไว้ในตัวประกาศ และ ภาคผนวก ก. ว่า เป็นกลุ่มผู้ให้บริการกลุ่มที่ 2 แห่งพระราชบัญญัติ ฯ "มาตรา 3 ผู้ให้บริการหมายถึง [...] (2) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น" โดยในร่าง ฯ ประกาศของไอซีที กำหนดรายละเอียดเอาไว้ว่า




เขียนให้ง่ายหน่อย (หรือเปล่า?) ก็คือ ผู้ให้บริการกลุ่มนี้ หมายถึง ผู้ผลิตเนื้อหาประเภทต่าง ๆ ป้อนเข้าสู่บริการบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งให้บริการ เครื่องมือ สร้าง เก็บรักษาเนื้อหา รวมทั้งดูแลระบบ และการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว ให้กับบุคคลอื่น ๆ ด้วย คุ้น ๆ หรือเปล่าว่า มันก็หมายถึง บรรดาเจ้าของ รวมทั้งผู้เปิดให้บริการโพส หรือเขียนข้อมูล ตามเว็บไซท์ประเภทต่าง ๆ (ราชการ, บันเทิง, พาณิชย์ ฯลฯ), เว็บบอร์ด รวมทั้งเว็บบล็อก นั่นเอง อาทิเช่น พวกผมในฐานะเจ้าของ BioLawCom, สสส. ในฐานะผู้ให้บริการบล็อก GotoKnow , คุณ Lew และ คุณ mk ในฐานะผู้ดูแลข้อมูล และ บริการใน Blognone , คุณแชมป์ ในฐานะเจ้าของ และผู้ให้บริการไดอารี่ exteen, คุณวันฉัตร เจ้าของบอร์ดพันธ์ทิพย์, กลุ่มประชาไท ในฐานะเจ้าของเว็บข่าวประชาไท , คนขายของออนไลน์ทำนองเดียวกับ ebay รวมไปถึง บรรดาผู้เขียนบล็อกเพียว ๆ ที่ใช้บริการเครื่องมือ และพื้นที่จากผู้ให้บริการทั้งในและต่างประเทศ อย่าง ลูกค้าบล็อกเกอร์ หรือ บล็อกแกงค์ เป็นต้น



เนื่องจากในปัจจุบัน ด้วยรูปแบบบริการหลากหลายที่เกิดขึ้น ด้วยระบบการสื่อสารแบบ "สองทาง" ผู้ให้บริการประเภทนี้ ไม่ได้เป็นบุคคลเพียงกลุ่มเดียวอีกต่อไปครับ ที่จะต้องคอยผลิตเนื้อหา ป้อนสู่สายตา "ผู้ใช้ หรือผู้เล่นบริการอินเทอร์เน็ต" คนอื่น ๆ บริการจำนวนมาก หรือเกือบทั้งหมดที่โลดแล่นอยู่บนเครือข่าย ฯ ล้วนขับเคลื่อน มีชีวิตชีวาด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าไปมี ส่วนร่วมในการนำเสนอ ข้อเขียน, บทความ, บันทึกประจำวัน, แสดงความคิดเห็น, แชร์ข้อมูล, โพสรูปภาพ, ส่งไฟล์เสียง หรือ กระทั่งการทำธุรกิจ ธุรกรรม ด้วยการ เสนอขาย เสนอซื้อ หรือทำสัญญาระหว่างกัน

ดังนั้น Content Provider จึงกลายเป็น ผู้ให้บริการกลุ่มหนึ่ง ที่มีโอกาส (ที่แตกต่างกันไป) หรือสามารถรับรู้ข้อมูลบางประเภท ของพลเน็ทผู้ใช้บริการของตัวได้ อาทิ ใครบ้างที่ล็อกอินเข้าสู่หน้าเว็บไซท์ หรือบริการที่เปิดไว้ ล็อกมาเวลาอะไร โพสอะไร หรือ ล็อกเอาท์ออกไปแล้วเมื่อไหร่กัน ด้วยเหตุนี้ ไอซีที จึงจับผู้ให้บริการกลุ่มนี้มาทำหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลบางประเภท ด้วย โดยบรรดาข้อมูล ฯ ที่ไอซีที(อยาก)กำหนดให้ Content Provider ต้องเก็บรักษาไว้ บรรจุอยู่ในประกาศ (ภาคผนวก ข.) ก็ได้แก่



จริงอยู่ที่ว่า Content Provider ในบางระดับ สามารถรับรู้ สอบถาม ขอข้อมูล Log File (ข้อ ก 2) จากผู้ให้บริการ Server หรือ ผู้บริการ Host (ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ให้บริการที่รับรู้ และจัดเก็บข้อมูลประเภทนี้ไว้เป็นปกติอยู่แล้ว) ได้โดยตรง รวมทั้ง Content Provider บางรายยังสามารถจัดหาโปรแกรมพิเศษเพื่อจัดเก็บข้อมูลเช่นนี้ไว้ด้วยตนเอง ก็ยังได้ แต่ คำถามแรก ก็คือ ผู้ให้บริการประเภทใดกันแน่ที่ควรเป็นผู้เก็บ Log file ดังกล่าว ?

หากได้ลองโหลด ภาคผนวก ข. ซึ่งกำหนดประเภทข้อมูลที่ทุก ๆ ฝ่ายต้องจัดเก็บ มาอ่านโดยละเอียด ท่านอาจต้องตกใจก็ได้ครับ เมื่อพบว่า ไม่ว่าจะเป็น Access (บริการเข้าถึงเครือข่าย), Host (บริการพื้นที่) หรือ Content Provider ล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ต้องจัดเก็บ User ID (ข้อ ก 1) และ Log file (ข้อ ก 2) ซึ่งข้อมูลบางส่วนเป็นประเภท และชุดเดียวกัน ทั้งสิ้น ดังนั้น คำถามที่สอง ก็คือ ทำไมไอซีทีจึงกำหนดประกาศ ในลักษณะเหวี่ยงแหให้ผู้ให้บริการทุกประเภท ต้องจัดเก็บข้อมูลประเภทเดียวกัน ซ้ำกัน ?

จากการสืบค้นข้อมูลพอสังเขป ผมพบว่า โดยปกติแล้วผู้ให้บริการที่มักมีมีระบบการจัดเก็บ Log file การเข้าออก หรือใช้บริการในเครือข่าย เพื่อประโยชน์ต่อการตรวจสอบบริการของตนเอง ก็คือ กลุ่ม Host Service Provider เช่นนี้แล้ว เหตุใดไอซีทีจึงไม่กำหนดให้ผู้ให้บริการกลุ่มนี้เป็นผู้เก็บรักษา ซึ่งถือเป็นการ เพิ่มภาระหน้าที่ที่สมเหตุสมผลกว่า การกำหนดให้ผู้ให้บริการปลายทางอย่าง Content Provider ต้องมาร่วมจัดเก็บอีกชั้นหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ผู้ให้บริการ Content หลายรายเช่าใช่ Host จากต่างประเทศ ดังนั้น การกำหนดให้ Content Provider ลักษณะนี้ต้องจัดเก็บด้วย เพื่อแบ่งเบาภาระของฝ่ายรัฐ ก็คงพอสมเหตุสมผลอยู่ แต่ก็ควรเป็นลักษณะข้อยกเว้นที่มีหลักเกณฑ์ชัดเจน ที่จะกำหนดให้ผู้ให้บริการกลุ่มนี้ ต้องหาวิธีบันทึก จัดเก็บ หรือร้องขอ Log File จาก Host ต่างประเทศ ในส่วนบริการของตัวด้วย (ถ้าทำได้) มากกว่าเป็นการกำหนดไว้ให้เก็บโดยทั่วไปแบบที่เป็นอยุ่

สรุปในประเด็นปัญหานี้ได้ว่า ตารางที่อยู่ในภาคผนวก ข. ของไอซีทีนี้ มีลักษณะของการเร่งรีบออกจนเกินไป (หวังให้ทันใช้พร้อมกับพรบ ฯ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะกำหนดไว้สั้น ๆ แค่ 30 วันทำไม ?) จึงน่าจะขาดการวิเคราะห์ วิจัย หรือศึกษาให้ลึกซึ้งว่า ผู้ให้บริการประเภทใดกันแน่ที่เหมาะสมต่อการจัดเก็บข้อมูลประเภทใด

1.2 การพยายามทำลายหลักการ Anonymous กับประโยชน์ และความจำเป็นที่ต้องจัดเก็บข้อมูลบางประเภท

ก่อนจะกล่าวถึงประเด็นนี้ ขอยกประกาศ ข้อ 8 มาเพิ่มเติมอีกสักข้อนะครับ คือ







จากประกาศ และภาคผนวก ข. ที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ไอซีที มีความพยายามอย่างมาก ที่จะกำหนดให้ ผู้ให้บริการทั้งหลาย ทำลายหลักการ Anonymous ทั้งนี้ เพราะการบังคับว่า ผู้ให้บริการ Content ต้องจัดเก็บ User ID ตามตาราง ข้อ ก 1) หรือ การที่ผู้ให้บริการที่ใช้บริการของบุคคลที่สาม ต้องหาวิธีการระบุ และยืนยันตัวบุคคลให้ได้ ตามประกาศ ข้อ 8 (5) ย่อมเท่ากับว่า เขาเหล่านี้ (เจ้าของเว็บ เจ้าของบอร์ด บล็อกเกอร์ ฯลฯ) ต้องกำหนดให้ผู้ประสงค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือใช้บริการสมัครเป็นสมาชิก และกรอกข้อมูลกับเขาก่อนเสมอ คำถามก็คือ ข้อกำหนดเช่นนี้ ถือได้หรือไม่ว่า ไอซีที พยายามบังคับให้ผู้ให้บริการทุกราย ทำลายธรรมชาติแห่งการใช้อินเทอร์เน็ต และประสงค์จะเปลือยเปล่าพลเมืองของตนให้ล่อนจ้อน ทุกท่วงท่า ?

การเรียกร้องให้ต้องเกิดการสมัครสมาชิก (ที่บุคคลเดียวกันสามารถสมัครได้หลายครั้ง) หรือการเรียกร้องให้เก็บข้อมูลบางอย่าง อาทิ ชื่อ สกุล รวมทั้งเลขหมายบัตรต่าง ๆ (ข้อ ก 4) หากมีการปลอมแปลงเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ฝ่ายรัฐจะสามารถตรวจเช็คความจริงแท้ได้หรือไม่ ? หรือภาระหน้าที่ในการต้องพิสูจน์ความจริงแท้ของข้อมูลเหล่านี้ ตกอยู่ที่ใคร ? (ดูเหมือนว่า ข้อ 8 (4) ภาระนี้จะถูกผลักให้ผู้ให้บริการ ด้วย !) ที่สุดแล้ว การเก็บข้อมูลเหล่านี้ จะนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับจะสร้างความซับซ้อนของการสืบค้นตัว มากขึ้น เพราะต้องประสบปัญหาการปลอมแปลงข้อมูล หรือการสวมตัวบุคคล ฯลฯ...

และกรณีนี้ ผมยังไม่ได้กล่าวประเด็นว่า "แท้จริงแล้ว ไอซีที จะบังคับให้ผู้ให้บริการเก็บข้อมูลตามตารางข้อ ก 4 ได้หรือไม่ ?" เลยนะครับ และกำลังจะกล่าวถึงดังต่อไปนี้

1.3 ขัด หรือแย้งกับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ประเด็นหลักที่กำลังเป็นข้อถกเถียงหนักอยู่ตอนนี้ เห็นจะเป็น ข้อมูลตาม ข้อ ก 4) ที่ไอซีทีจับยัดเข้ามาด้วยในตารางนี่เอง



เพราะ คำถามก็คือ ข้อมูลต่าง ๆ ตามที่อยู่ใน 4) อาทิ ชื่อ สกุล รหัสประจำตัวประชาชน เลขบัญชีธนาคาร เลขหมายบัตรเครดิต และอื่น ๆ ทำนองเดียวกัน ไอซีที สามารถกำหนดบังคับให้ Content Provider จัดเก็บได้หรือไม่ และมันเกี่ยวข้อง อย่างไรกับ "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" ?

การที่พระราชบัญญัติ ฯ มาตรา 26 วรรคแรก บัญญัติชัดเจนว่า "ข้อมูลที่ต้องจัดเก็บ คือ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" นั่นย่อมหมายความว่า กฎหมายฉบับนี้ ประสงค์ให้ผู้ให้บริการเก็บ เฉพาะข้อมูล ที่โดยสภาพ เป็นขอมูลที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ แสดงถึง แหล่งกําเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสาร "ของระบบคอมพิวเตอร่" เท่านั้น
มาตรา 26 ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจําเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการ ผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวันแต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้
ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จําเป็นเพื่อให้ สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม้น้อยกว่าเก้าสิบวัน นับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง
ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท

ศัพท์บัญญัติดังกล่าว (ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์) ในทางกฎหมายแล้ว ไม่ว่าท่านจะตีความโดยตรง, เทียบเคียง หรือแม้แต่ตีแบบขยายความแล้ว ก็ไม่สามารถครอบคลุมไปถึงบรรดา ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งถูกบรรจุอยู่ใน 4) ได้เลย ทั้งนี้เพราะ โดยปกติทั่วไป ผู้ขอใช้บริการจากผู้ให้บริการ Content Provider ไม่มีความจำเป็น ต้องแจ้ง หรืออาศัยเลขบัตรเหล่านั้นเลย ก็สามารถเข้าใช้บริการต่าง ๆ ได้ เลขหมายเหล่านี้ ไม่ใช่ส่วนหนึ่ง ของ "การจราจร ที่ประกอบสร้างกันขึ้นมา ในระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบการติดต่อสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต" (การร้องขอ ข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าว อาจเกิดขึ้นได้บ้าง ก็ต่อเมื่อ ทั้งสองฝ่าย (ผู้ให้ และผู้ใช้) ยินยอมให้ข้อมูลแก่กัน โดยมีวัตถุประสงค์พิเศษเพื่อการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น โอนชำระเงินในการขายสินค้า เป็นต้น)

แม้พรบ. ฯ ฉบับนี้จะให้อำนาจแก่ ฝ่ายผู้บริหาร หรือผู้บังคับใช้กฎหมาย (ในที่นี้ คือ กระทรวงไอซีที) ในการกำหนดรายละเอียด เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล (มาตรา 26 วรรค 3) แต่ก็หาได้มีความประสงค์ให้ ไอซีที ลุกขึ้นมา กำหนดเอาเองตามใจชอบว่า ไอ้นั่น ไอ้นี่ คือ สิ่งที่ฉันประสงค์ให้เธอเก็บ หรือ ไอ้นั่น ไอ้นี่ คือ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ในความต้องการของฉัน ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง มันเป็น ข้อมูลส่วนบุคคล ที่ไม่ได้เกี่ยวพันทั้งโดยนิตินัย และพฤตินัย กับระบบคอมพิวเตอร์ หรือการจราจรใด ๆ ในทางคอมพิวเตอร์เลย

หากปล่อยให้ไอซีที ซึ่งเป็นเพียงหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย กำหนดเช่นนั้นได้ ย่อมเท่ากับว่า "ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการออกกฎหมาย เหนือกว่าฝ่ายนิติบัญญัติ" เพราะสามารถกำหนดเอาเองตามใจ ว่าฉันอยากได้อะไร โดยไม่ได้คำนึงถึงกรอบหรือขอบเขตที่ถูกกำหนดไว้แล้วใน "คำนิยาม" แห่งฝ่ายนิติบัญญัติ องค์กรหลักผู้มีอำนาจในการออกกฎหมาย เลย

(นี่ยังไม่ได้กล่าวเลยว่า ณ วันนี้ วันที่ประเทศไทยยังไม่มี กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การใช้บังคับกฎหมายยังมีช่องโหว่ การบังคับให้พลเมือง จำต้องมอบข้อมูลส่วนตัวให้ใครต่อใครไปเก็บรักษาไว้ หากเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลเหล่านั้น รัฐคิดจะรับผิดชอบอะไรหรือไม่ ? หรือ ถ้าคิด จะรับผิดชอบไหวหรือเปล่า ?)

เขียนมาถึงตรงนี้ อาจมีคน(ไอซีที) แย้งผมว่า ยังไงเสีย ผู้ให้บริการก็ต้องมีหน้าที่ เก็บอะไรสักอย่างเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ อยู่ดีนะ ตาม วรรค 2 ของมาตรา 26 แห่ง พรบ. ฯ

แต่ผม และคนไอทีแถวนี้ คงต้องแย้งกลับว่า ผู้บัญญัติกฎหมายเขาไม่ได้ให้อำนาจไอซีทีในการระบุว่า ในวรรค 2 สิ่งที่เก็บหมายถึงอะไรบ้างนะครับ เพราะ วรรค 3 ที่ให้อำนาจไอซีทีในการออกประกาศ บัญญัติหมายเฉพาะ "ความในวรรค 1" ดังนั้น สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ไอซีที มีสิทธิกำหนดในประกาศ จึงต้องอยู่ในขอบเขตของคำว่า "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" วรรคหนึ่งเท่านั้น และต้องไม่มีลักษณะขัด หรือแย้งกับนิยามดังกล่าวด้วย...

มีใครบางคนตะโกนบอกอีกว่า "นายนี่ มันพวกตีความตามตัวอักษร" แต่...ไม่ล่ะครับ ผมไม่รับข้อกล่าวหานี้ เพราะ ต่อให้ผมตีความตามเจตนารมณ์ ที่ว่า กฎหมายประสงค์ให้ "ผู้ให้บริการ" เป็นเพียง "ผู้ช่วยเหลือ หรือให้การสนับสนุน" เจ้าหน้าที่ในการสืบสวน สอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่กำหนดให้ต้องมาเป็น "คนค้นหา หรือระบุให้จงได้ ชนิดจริงแน่ว่าใครเป็นใครอย่างชัดเจน (ซึ่งยุ่งยากมาก และเป็นไปแทบไม่ได้ เพราะ มีการอำพรางตัวอีกหลากหลายรูปแบบ) โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องสืบต่อ" ประกอบกับเจตนารมณ์ของผู้ร่างพรบ. ฯ เอง ที่เคยประกาศอยู่เสมอว่า จะพยายามไม่สร้างภาระอันหนักหนาเกินไปให้ประชาชน และผู้ประกอบการ แล้วก็ตาม

„การต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็น" วรรคสอง ในทางปฏิบัติ ในทางเทคนิค ในสายตาของวิญญูชนผู้ใช้เทคโนโลยีเป็น รวมทั้ง ในสายตาของรัฐ ที่คำนึงถึงความเจริญก้าวหน้าในทางเทคโนโลยีและการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน ในสายตาของรัฐที่เคารพข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมือง ย่อมหมายถึง การเก็บ "อัตลักษณ์ทางไอที" ซึ่งสามารถระบุตัวตนทางคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการได้ในระดับจำเป็น เท่านั้นนะครับ ไม่ใช่ให้ใครต่อใครมาคอยหาช่องกำหนดประกาศให้เกินเลย โดยมีนัยยะทางการเมือง การปิดปาก และการเช็คบิลแอบแฝง
กล่าวโดยสรุปสำหรับเรื่องนี้ เพื่อให้ทั้งคนที่เป็น นักกฎหมาย, ไม่ใช่นักกฎหมาย, คนไอที และไม่ใช่ไอที เข้าใจได้ว่า ข้อมูลทั้งหลายแหล่ที่ถูกจับยัดเข้ามาใน 4) แห่ง ภาคผนวก ข. ของไอซีทีฉบับนี้ เป็น เรื่องเกินขอบเขต มีลักษณะ "ขัด หรือแย้ง" กับนิยาม "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" ที่ถูกบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ 2550 ซึ่งถือเป็นกฎหมายแม่ ที่ให้อำนาจไอซีทีในการออกประกาศ (กฎหมายลูก) ครับ

เช่นนี้ ถ้าภาคผนวก ข 3 ก. 4) ถูกประกาศออกมา ก็ไม่อาจใช้บังคับกับประชาชน หรือผู้ให้บริการใด ๆ ได้

อย่างไรก็ตาม ดังแอบพูดถึงไปบ้างว่า แม้ ข้อมูลส่วนบุคคลกลุ่มนี้ จะไม่เกี่ยวกับ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ เลย แต่ก็อาจเกิดกรณีจัดเก็บกันได้ หรือจำเป็นที่ผู้ให้บริการต้องเก็บอยู่เหมือนกัน สำหรับการให้บริการบางอย่าง เพื่อยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการ และเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ให้บริการเอง เช่น การซื้อขายสินค้า การชำระเงิน หรือทำสัญญาอย่างหนึ่งอย่างใด เป็นต้น แต่ก็ย่อมขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ ในบริการลักษณะนั้นเองว่า เขายินดีจะเก็บรักษาไว้ให้ถึง 90 วัน หรือไม่

ดังนั้น เรื่องนี้ จึงน่าจะเป็นเรื่องของ "ความสมัครใจ" ที่จะจัดเก็บหรือไม่ ของฝั่งผู้ให้บริการ แต่ละราย แต่ละประเภท และแต่ละขอบเขตการให้บริการ มากกว่า ที่กระทรวงไอซีทีจะมาบังคับขู่เข็ญให้ต้องเก็บด้วยโทษทางอาญา

2. ผู้ให้บริการที่ต้องจัดเก็บข้อมูล ประเภทอื่น ๆ

ซึ่งเรารู้จักกันบ้าง ไม่รู้จักบ้าง อาทิ กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม (ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน, โทรศัพท์เคลื่อนที่, ADSL, ดาวทียม ฯลฯ), กลุ่มผู้บริการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (บริษัทเอกชนบริการ Access, โรงเรียน, สถาบันการศึกษา, อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือองค์กรรัฐอื่นๆ ฯลฯ) และ กลุ่มผู้บริการพื้นที่ Host หรือ Server ประเภทต่าง ๆ (ให้เช่าระบบคอมฯ, Server อีเมล์, Server แชร์ไฟล์ ฯลฯ) ที่ต้องได้รับผลกระทบจากพรบ. ฯ และประกาศไอซีที เช่นกัน เหล่านี้ โดยส่วนตัว ผมไม่มีอะไรจะเขียนถึงมาก (เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และออกจะเป็นเรื่องในรายละเอียด)



หากท่านอยากรู้รายละเอียด แนะนำให้ ลองศึกษาได้จากร่าง ฯ ประกาศ และ ภาคผนวก ก (ตั้งแต่หน้า 126-132) แล้วก็พิจารณาให้ดี ๆ นะครับว่า ในทางเทคนิค และลักษณะการให้บริการของท่านนั้น "ท่านควรจัดอยู่ในผู้ให้บริการประเภทไหน" หรือ ไอซีที จัดกลุ่มไว้ถูกต้องแล้วหรือไม่ เพราะจะเกี่ยวพันกับ "ประเภทข้อมูล" ที่ท่านมีหน้าที่ต้องจัดเก็บ และโปรดอย่าลืมนะครับว่า บุคคล หรือนิติบุคคลคนหนึ่ง สามารถเป็นผู้ประกอบการได้หลายประเภท ยกตัวอย่างกรณี สสส. GotoKnow เอง ในขณะที่มือข้างหนึ่งเป็น Content Provider แต่เนื่องจากมี Host ให้บริการคนอื่นอยู่ด้วย จึงต้องถือว่าเขาเป็น Host Service Provider ด้วยอีกฐานะหนึ่ง

สำหรับ "ประเภทข้อมูล" (ภาคผนวก ข. ตั้งแต่หน้า 133-135) ที่ต้องจัดเก็บ นอกเหนือจากที่มีลักษณะการจัดเก็บข้อมูลซ้ำซ้อนกับ Content Provider ดังที่พูดถึงไปแล้ว มีอีกบางจุดเท่านั้น ที่ชวนตั้งข้อสังเกตกับไอซีทีว่า มันไม่น่าจะเกี่ยวกับ "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" เช่นกัน กล่าวคือ

:- ภาคผนวก ข ข้อ 1 ข. ที่ว่า กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ต้องเก็บ "ข้อมูลที่สามารถระบุปลายทางของการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์" และหนึ่งในนั้นคือ "จำนวนโทรศัพท์ที่ใช้" ???? เกี่ยวอะไรด้วย (แม้ผู้ประกอบการบางรายจะรู้ก็เถอะ)
:- ภาคผนวก ข ข้อ 1 จ. ที่ว่า กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมต้องเก็บ "ข้อมูลที่สามารถระบุถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร" (2) „ข้อมูลที่สามารถระบุตัวผู้รับโทรศัพท์ระหว่างประเทศปลายทาง" ??? ก็น่าสงสัยว่า เกี่ยวกับการระบุอุปกรณ์ ?

3. ประเด็นอื่น ๆ ที่อยากให้ทำความเข้าใจ และต่อรองกับภาครัฐให้ดี ๆ

อาทิ ภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการจัดเก็บข้อมูล ฯ ควรเป็นของใครบ้าง ?, "การกำหนดมาตรฐานการจัดเก็บ" รวมทั้งการพัฒนาโปรแกรม หรือเครื่องมือในการจัดเก็บ ฯลฯ หากยังพอจำกันได้ ก่อนที่พระราชบัญญัติ ฯ จะประกาศใช้ ในงานสัมมนาหลายต่อหลายครั้ง มีคนพยายามพูดถึงประเด็นเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้มาแล้ว ว่าควรเป็นของใคร หรือช่วยแบ่งเบากันอย่างไร

สำหรับผู้ให้บริการรายใหญ่ การจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ ในระยะเวลาที่นานถึง 90 วัน ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะครับ ผมแอบสืบทราบมาว่า สสส. ผู้ให้บริการเว็บบล็อก GotoKnow ปัจจุบัน ต้องใช้พื้นที่ในการเก็บ Log file โดยเฉลี่ยประมาณ 1 GB/วัน เช่นนี้ การต้องเก็บไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 90 วัน นั่นหมายถึง เค้าต้องใช้ทั้งพื้นที่ บุคลากร เครื่องมือ และค่าใช้จ่าย เพิ่มขึ้นมหาศาลขนาดไหน ?

ดังนั้นประเด็นเหล่านี้ ควรหรือไม่ที่ ฝ่ายรัฐต้องแสดงความรับผิดชอบ และความจริงใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง ในการต้องเป็นองค์กรเสาหลักปฏิบัติการ "ป้องกัน และปราบปรามการกระทำความผิด" ด้วยการช่วยแบ่งเบาภาระจากภาคเอกชน ในรายที่อาจเกินกำลังจริง ๆ อาทิเช่น จัดตั้ง Server ขนาดใหญ่ของรัฐ สำหรับช่วยเก็บข้อมูล Log file จากเอกชนบางราย ด้วยการกำหนด Limit ทำนองว่า หากบริษัทใด หรือผู้ให้บริการรายใดต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บเกินกี่ GB ต่อวัน สามารถโอนถ่าย หรือฝาก Log File หรือ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์เหล่านั้นมายังภาครัฐได้ ซึ่งนั่น ย่อมไม่ใช่แค่เพียงแบ่งเบาภาระทางฝั่งผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังช่วยแบ่งเบาภาระให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไม่ต้องคอยแต่ร้องขอข้อมูลจากผู้ประกอบการ เพียงอย่างเดียว เพราะตนมีข้อมูลจำนวนหนึ่งเก็บไว้สืบสวนได้อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นหลักประกันด้วยว่า "ข้อมูล" ดังกล่าวจะไม่ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลง (ด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม จากผู้ประกอบการ) ก่อนจะถึงมือเจ้าพนักงานรัฐ

นอกจากนี้ในประเด็น การวิจัย หรือการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาโปรแกรม ในการเก็บรักษาข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ให้ได้มาตรฐานเดียวกัน เพื่อสนับสนุน หรือแจกจ่ายให้กับผู้บริการรายย่อย ก็ควรหรือไม่ที่รัฐจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วย

อนึ่ง การแก้ปัญหาอาชญากรรมรูปแบบใหม่นี้ ไม่อาจเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพได้เลยครับ ถ้ารัฐเอาแต่ใช้มาตรการ "บังคับ" แต่เพียงอย่างเดียว เพราะด้วยจำนวน และประเภทของ ผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการที่นับวันจะยิ่งมากมายมหาศาล ท่านจะไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดเลยว่า ใครทำตามบังคับ และใครไม่ทำตามบังคับบ้าง หลายประเทศจึงใช้มาตรการ "ให้ผลประโยชน์" บางประการเป็นตัวล่อ ควบคู่ไปด้วย อาทิ การลดภาษี, การให้เงินบางส่วนเพื่อสนับสนุนกิจการ หรือผลประโยชน์ในรูปแบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการสอดส่องเป็นหูเป็นตา ซึ่งดูเหมือนว่า หลายต่อหลายครั้งจะได้ผลที่น่าพอใจกว่ามาก

จริงอยู่ การผลักภาระหน้าที่ในการ ป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรม เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองทั้งหมดไปไว้ที่ "หน่วยงานรัฐ" หรือฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่รัฐเพียงอย่างเดียว เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง จริงอยู่ ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ ใครบางคนบอกผมว่า แท้จริงแล้วพวกเรานั่นแหละก็คือ "รัฐ" ดังนั้นเมื่อรัฐเกิดปัญหา เราก็ควรช่วยกันแก้ปัญหา

แต่...ท่านทั้งหลายจะยอมรับ "การผลักภาระกองโต" ด้วยอาการ ไม่ยอมรับผิดชอบใด ๆ หรือรับผิดชอบต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยไม่อินังขังขอบกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูล การแสดงความคิดเห็น รวมทั้งพัฒนาการทางเทคโนโลยีด้านนี้ จากฝ่ายรัฐ (ผู้มีเงินเดือนเป็นภาษีของท่าน) ได้ฉะนั้นหรือ ?

โดยส่วนตัว ผมไม่อยากให้บรรดา "ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต" และประชาชนที่ต้องรับผลกระทบจากกฎหมาย และประกาศฉบับนี้ ตื่นเต้น หรือตื่นตูม จนไม่เป็นอันทำอะไรไปก่อนครับ แต่อยากให้ลองศึกษา "ภาระหน้าที่ของท่านในตัวประกาศ" ให้ดี ประเมินว่า ในทางปฏิบัติท่านทำได้หรือไม่ , ข้อมูลต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ อยู่ในขอบเขตการบริการของท่านหรือไม่ ที่สำคัญ ท่านคิดว่า มันอยู่ในกรอบของคำว่า "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" หรือไม่

สำหรับปัญหาอื่น ๆ ในแง่ที่ว่า รัฐจะนำข้อมูลไปสืบได้จริงหรือเปล่า ? กรณีคนใช้บริการ Server หรือ บริการจากต่างประเทศล่ะ รัฐจะเอามาจากที่ไหน ? รัฐสั่งให้เขาเก็บได้หรือไม่ อย่างไร ? เขาจะเก็บให้รัฐไทยหรือ ? อันนี้เป็นหน้าที่ของภาครัฐ ซึ่ง(โดยสถานภาพแล้ว) มีศักยภาพมากกว่าเรา ที่เขาจะต้องคิดเตรียมการ และหาทาง เตรียมความพร้อม รวมทั้งประสานงานกับต่างประเทศ (ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญมากในการต่อสู้กับอาชญากรรมไร้พรมแดนประเภทนี้) ฝ่ายเรา ในเบื้องต้นก็ควรศึกษาภาระหน้าที่ให้กระจ่างชัด และทำได้จริงก่อนจะดีกว่า

เอาเข้าจริง ถ้าถามผม ผมก็ต้องบอกว่า ธรรมนูญปกครองพลเมืองออนไลน์ ฉบับนี้ (รวมทั้งกฎหมายลูกตัวอื่น ๆ) เป็นสิ่งจำเป็นต้องมี (สักที) นะครับ ในยุคสมัยที่อะไร ๆ มันก็ทำร้าย ทำลายกันง่ายดายไปเสียหมดในโลกเสมือน และชาวบ้านชาวเมืองอื่นเขาก็มีใช้กันจนเก่าไปหมดแล้ว แต่ผมก็ไม่ปราถนาเลยที่จะเห็นมันกลายเป็น "ความชั่วร้ายที่จำเป็น" ในสายตาพลเมืองทั้งหลาย

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ใช่นักอุดมการณ์คุณธรรมจ๋า ที่จะหลับหูหลับตาลุกขึ้นเรียกร้อง หรือถามหา "สำนึก ความดี ความสามัคคี สมานฉันท์" จากผู้คนในสังคมทั้งชาติได้หรอก สำหรับผม คุณก็แค่ลองถามตัวเองเท่านั้นว่า วันนี้ คุณพร้อมที่จะมีภาระหน้าที่ ช่วยกันสอดส่องดูแลสังคมไซเบอร์สังคมนี้ พร้อม ๆ ไปกับการทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐ (ภายใต้การตรวจสอบได้จากประชาชน) แล้วหรือไม่ ? หรือ คิดแต่ว่า ถ้าออกกฎอะไรมา ชั้นก็จะย้ายหนี ย้ายหนี
"ท่านอยากเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา หรือว่า อยากเป็นได้แค่ส่วนหนึ่งของปัญหา"



อ่านแล้วสนใจใคร่ถาม แนวทางปฏิบัติงานของผู้ใช้บังคับกฎหมายตัวนี้ (กระทรวงไอซีที) รวมทั้งฟังแนะแนว เพื่อเตรียมความพร้อม
"การบังคับใช้กฎหมาย : พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550“

เข้าไปดูรายละเอียดที่นี่ http://www.mict.go.th

หมายเหตุ : 1. สำหรับระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล กล่าวคือ ต่ำสุด 90 วัน ตามที่บัญญัติไว้ ในพระราชบัญญัติ ฯ นี้ เป็นระยะเวลาที่หลายฝ่าย รวมทั้งในระดับสากลเอง เห็นว่าเหมาะสมนะครับ เพราะแม้ใน ข้อตกลงว่าด้วยอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต (Convention on Cybercrime 2004 Titel 2 Artkel 16) แห่งคณะมนตรียุโรป อันเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศในเรื่องนี้ชิ้นแรกของโลก ซึ่งมีประเทศร่วมลงนามจำนวนมาก เอง ก็ใช้ตัวเลขนี้ เพื่อให้ประเทศสมาชิกผู้ลงนามพิจารณาบัญญัติเป็นกฎหมายภายในของตัวเอง เช่นกัน นัยว่า เป็นระยะเวลาขั้นต่ำกำลังดี ที่จะให้โอกาสเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถสืบสวนหาพยานหลักฐาน และสืบสาวไปถึงตัวผู้กระทำความผิดได้ (แต่...เพื่อให้เจ้าหน้าที่สืบหา นะครับ ไม่ใช่ให้ ผู้ให้บริการสืบ หรือเก็บข้อมูลให้ โดยไม่ต้องสืบหาอะไรอีกแล้ว...จำตรงนี้ไว้ดี ๆ)

2. กลัวจะลืมกันไปเสียก่อน เพราะยังมีอีกมาตราหนึ่งนะครับ ที่ "ผู้ให้บริการ" ควรต้องศึกษา และเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย คือ

มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุน หรือ ยินยอมให้มีการกระทําความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทําความผิดตาม มาตรา 14

มาตรา 14 ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

(1) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อัน เป็น เท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)

โปรดศึกษา และเตรียมรับมือไว้

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551



window7
หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ รายงานว่า ไมโครซอฟท์ เผยโฉมระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ “วินโดว์ส 7″ ที่พัฒนาให้คล่องตัว และตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งโอเอสล่าสุดนี้ หยุดใช้ชื่อแบรนด์วิสต้าอย่างไม่เป็นทางการ
รายงานข่าว ระบุว่า โอเอสใหม่ใช้ชื่อว่า “วินโดว์ส7″ เพื่อแสดงถึงเส้นทางการพัฒนาระบบปฏิบัติการในพีซี ของไมโครซอฟท์ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนารุ่นที่ 7 นับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โดยคาดว่ายักษ์ซอฟต์แวร์จะออกเวอร์ชั่นทดลอง “วินโดว์ส 7″ ช่วงต้นปีหน้า
นายสตีเฟน ซินอฟสกี หัวหน้าทีมพัฒนาวินโดว์สเวอร์ชั่นใหม่ ของไมโครซอฟท์ ได้กล่าวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ก่อนเริ่มงานประชุมนักพัฒนาของบริษัท พร้อมยอมรับข้อผิดพลาด ที่เกิดขึ้นกับโอเอสวิสต้า ซึ่งบริษัทได้รับฟัง และกำลังแก้ไขข้อจุดบกพร่องที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ โอเอสรุ่นใหม่ ยังได้รับการพัฒนาทาสก์-บาร์ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงประสิทธิภาพด้านค้นหา และการใช้งานฟังก์ชั่นโฮมเน็ตเวิร์คง่ายขึ้น รวมถึงไฟล์แชริ่ง ทั้งมีกระแสข่าวว่าไมโครซอฟท์ มีแผนจะยกระดับวินโดว์ส7 ให้สามารถใช้ประโยชน์จากหน่วยประมวลผลมัลติคอร์รุ่นใหม่ๆจากอินเทล และเอเอ็มดีได้มากขึ้น
นายซินอฟสกี กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมเผยรายละเอียด เกี่ยวกับความสามารถของโปรแกรมตัวใหม่ที่รองรับการทำงานได้ถึง 256 โปรเซสเซอร์
ทั้งนี้ แผนดังกล่าวเกิดขึ้น หลังยักษ์ซอฟต์แวร์ส่งวิสต้า ออกมาชิมลางตลาดนานเกือบ 2 ปี แต่ยังไม่ได้แรงตอบรับเท่าที่ควร ขณะที่ ผลประกอบการล่าสุด บริษัทมีรายได้จากวินโดว์สเพิ่มขึ้นเพียง 2% โดยยอดขายวินโดว์สในตลาดรวมส่วนใหญ่ เป็นซอฟต์แวร์สำหรับพีซีราคาต่ำ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ทำรายได้ต่ำ และไม่ใช่วิสต้า
พร้อมกันนี้ ไมโครซอฟท์ ยังเตรียมแผนเปิดตัวโปรแกรมออฟฟิศสำหรับการใช้ผ่านเว็บ เพื่อหวังท้าชนกับคู่แข่งทั้งกูเกิล ดอกส์ และโซโห (Zoho) ที่จะรันโปรแกรมใช้งานในออฟฟิศผ่านเว็บ เบราเซอร์

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไฟร์วอลล์ (Firewall)

บทนำ
ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการติดต่อสื่อสาร
ธุรกิจ การศึกษา หรือว่าเพื่อความบันเทิง องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างก็นำเอาเน็ตเวิร์กของตนเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตเพื่อที่จะได้รับประโยชน์เหล่านี้
แต่เราต้องไม่ลืมว่าการนำเอาเน็ตเวิร์กไปเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตนั้น ทำให้ใครก็ได้บนอินเตอร์เน็ตสามารถเข้ามายังเน็ตเวิร์กนั้นๆ
ได้ ปัญหาที่ตามมาก็คือความปลอดภัยของระบบเน็ตเวิร์ก เช่น ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ
และ ขโมยข้อมูล เป็นต้น
จากปัญหาดังกล่าวทำให้เราต้องมีวิธีการในการรักษาความปลอดภัย สิ่งที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ก็คือ
ไฟร์วอลล์ โดยไฟร์วอลล์นั้นจะทำหน้าที่ป้องกันอันตรายต่างๆ จากภายนอกที่จะเข้ามายังเน็ตเวิร์กของเรา

รู้จักกับไฟร์วอลล์

ในความหมายทางด้านการก่อสร้างแล้ว ไฟร์วอลล์ จะหมายถึง กำแพงที่เอาไว้ป้องกันไฟไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ
ส่วนทางด้านคอมพิวเตอร์นั้นก็จะมีความหมายคล้ายๆ กันก็คือ เป็นระบบที่เอาไว้ป้องกันอันตรายจากอินเตอร์เน็ตหรือเน็ตเวิร์กภายนอกนั่นเอง
ไฟร์วอลล์ เป็นคอมโพเน็นต์หรือกลุ่มของคอมโพเน็นต์ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการเข้าถึงระหว่างเน็ตเวิร์กภายนอกหรือเน็ตเวิร์กที่เราคิดว่าไม่ปลอดภัย
กับเน็ตเวิร์กภายในหรือเน็ตเวิร์กที่เราต้องการจะป้องกัน โดยที่คอมโพเน็นต์นั้นอาจจะเป็นเราเตอร์
คอมพิวเตอร์ หรือเน็ตเวิร์ก ประกอบกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการหรือ Firewall
Architecture ที่ใช้
รูปที่ 1 ไฟร์วอลล์กั้นระหว่างอินเตอร์เน็ตกับเน็ตเวิร์กภายใน

การควบคุมการเข้าถึงของไฟร์วอลล์นั้น สามารถทำได้ในหลายระดับและหลายรูปแบบขึ้นอยู่ชนิดหรือเทคโนโลยีของไฟร์วอลล์ที่นำมาใช้
เช่น เราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้มีการเข้ามาใช้เซอร์วิสอะไรได้บ้าง จากที่ไหน
เป็นต้น
สิ่งที่ไฟร์วอลล์ช่วยได้

ไฟร์วอลล์สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบได้โดย

  • บังคับใช้นโยบายด้านความปลอดภัย โดยการกำหนดกฎให้กับไฟร์วอลล์ว่าจะอนุญาตหรือไม่ให้ใช้เซอร์วิสชนิดใด

  • ทำให้การพิจารณาดูแลและการตัดสินใจด้านความปลอดภัยของระบบเป็นไปได้ง่ายขึ้น
    เนื่องจากการติดต่อทุกชนิดกับเน็ตเวิร์กภายนอกจะต้องผ่านไฟร์วอลล์ การดูแลที่จุดนี้เป็นการดูแลความปลอดภัยในระดับของเน็ตเวิร์ก
    (Network-based Security)


  • บันทึกข้อมูล กิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านเข้าออกเน็ตเวิร์กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ป้องกันเน็ตเวิร์กบางส่วนจากการเข้าถึงของเน็ตเวิร์กภายนอก เช่นถ้าหากเรามีบางส่วนที่ต้องการให้ภายนอกเข้ามาใช้เซอร์วิส
    (เช่นถ้ามีเว็บเซิร์ฟเวอร์) แต่ส่วนที่เหลือไม่ต้องการให้ภายนอกเข้ามากรณีเช่นนี้เราสามารถใช้ไฟร์วอลล์ช่วยได้

  • ไฟร์วอลล์บางชนิด [1] สามารถป้องกันไวรัสได้ โดยจะทำการตรวจไฟล์ที่โอนย้ายผ่านทางโปรโตคอล
    HTTP, FTP และ SMTP


  • อะไรที่ไฟร์วอลล์ช่วยไม่ได้

    ถึงแม้ว่าไฟร์วอลล์จะสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเน็ตเวิร์กได้มากโดยการตรวจดูข้อมูลที่ผ่านเข้าออก
    แต่อย่าลืมว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถป้องกันได้จากการใช้ไฟร์วอลล์

  • อันตรายที่เกิดจากเน็ตเวิร์กภายใน ไม่สามารถป้องกันได้เนื่องจากอยู่ภายในเน็ตเวิร์กเอง
    ไม่ได้ผ่านไฟร์วอลล์เข้ามา

  • อันตรายจากภายนอกที่ไม่ได้ผ่านเข้ามาทางไฟร์วอลล์ เช่นการ Dial-up เข้ามายังเน็ตเวิร์กภายในโดยตรงโดยไม่ได้ผ่านไฟร์วอลล์

  • อันตรายจากวิธีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้มีการพบช่องโหว่ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน
    เราไม่สามารถไว้ใจไฟร์วอลล์โดยการติดตั้งเพียงครั้งเดียวแล้วก็หวังให้มันปลอดภัยตลอดไป
    เราต้องมีการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

  • ไวรัส ถึงแม้จะมีไฟร์วอลล์บางชนิดที่สามารถป้องกันไวรัสได้ แต่ก็ยังไม่มีไฟร์วอลล์ชนิดใดที่สามารถตรวจสอบไวรัสได้ในทุกๆ
    โปรโตคอล

  • ชนิดของไฟร์วอลล์
    ชนิดของไฟร์วอลล์แบ่งตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจสอบและควบคุม แบ่งได้เป็น
  • Packet Filtering

  • Proxy Service

  • Stateful Inspection

  • Packet Filtering
    Packet Filter คือเราเตอร์ที่ทำการหาเส้นทางและส่งต่อ (route) อย่างมีเงื่อนไข
    โดยจะพิจารณาจากข้อมูลส่วนที่อยู่ในเฮดเดอร์ (header) ของแพ็กเก็ตที่ผ่านเข้ามา
    เทียบกับกฎ (rules) ที่กำหนดไว้และตัดสินว่าควรจะทิ้ง (drop) แพ็กเก็ตนั้นไปหรือว่าจะยอม
    (accept) ให้แพ็กเก็ตนั้นผ่านไปได้
    รูปที่ 2 ใช้ Screening Router ทำหน้าที่ Packet Filtering

    ในการพิจารณาเฮดเดอร์ Packet Filter จะตรวจสอบในระดับของอินเตอร์เน็ตเลเยอร์
    (Internet Layer) และทรานสปอร์ตเลเยอร์ (Transport Layer) ในอินเตอร์เน็ตโมเดล
    ซึ่งในอินเตอร์เน็ตเลเยอร์จะมีแอตทริบิวต์ที่สำคัญต่อ Packet Filtering ดังนี้
  • ไอพีต้นทาง

  • ไอพีปลายทาง

  • ชนิดของโปรโตคอล (TCP UDP และ ICMP)

  • และในระดับของทรานสปอร์ตเลเยอร์ มีแอตทริบิวต์ที่สำคัญคือ
  • พอร์ตต้นทาง

  • พอร์ตปลายทาง

  • แฟล็ก (Flag ซึ่งจะมีเฉพาะในเฮดเดอร์ของแพ็กเก็ต TCP)

  • ชนิดของ ICMP message (ในแพ็กเก็ต ICMP)

  • ซึ่งพอร์ตของทรานสปอร์ตเลเยอร์ คือทั้ง TCP และ UDP นั้นจะเป็นสิ่งที่บอกถึงแอพพลิเคชันที่แพ็กเก็ตนั้นต้องการติดต่อด้วยเช่น
    พอร์ต 80 หมายถึง HTTP, พอร์ต 21 หมายถึง FTP เป็นต้น ดังนั้นเมื่อ Packet Filter
    พิจารณาเฮดเดอร์ จึงทำให้สามารถควบคุมแพ็กเก็ตที่มาจากที่ต่างๆ และมีลักษณะต่างๆ
    (ดูได้จากแฟล็กของแพ็กเก็ต หรือ ชนิดของ ICMP ในแพ็กเก็ต ICMP) ได้ เช่น ห้ามแพ็กเก็ตทุกชนิดจาก
    crack.cracker.net เข้ามายังเน็ตเวิร์ก 203.154.207.0/24 , ห้ามแพ็กเก็ตที่มีไอพีต้นทางอยู่ในเน็ตเวิร์ก
    203.154.207.0/24 ผ่านเราเตอร์เข้ามา (ในกรณีนี้เพื่อเป็นการป้องกัน ip spoofing)
    เป็นต้น
    Packet Filtering สามารถอิมพลีเมนต์ได้จาก 2 แพล็ตฟอร์ม คือ
  • เราเตอร์ที่มีความสามารถในการทำ Packet Filtering (ซึ่งมีในเราเตอร์ส่วนใหญ่อยู่แล้ว)

  • คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเราเตอร์

  • ซึ่งจะมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันดังนี้
















    ข้อดีข้อเสีย
    เราเตอร์ประสิทธิภาพสูงมีจำนวนอินเตอร์เฟสมากเพิ่มเติมฟังก์ชันการทำงานได้ยาก, อาจต้องการหน่วยความจำมาก
    คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเราเตอร์เพิ่มฟังก์ชันการทำงานได้ไม่จำกัดประสิทธิภาพปานกลาง,จำนวนอินเตอร์เฟสน้อย,อาจมีความเสี่ยงจากระบบปฏิบัติการที่ใช้

    ตารางที่ 1 เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียในการเลือกอุปกรณ์มาทำหน้าที่ Packet
    Filtering

    ข้อดี-ข้อเสียของ Packet Filtering
    ข้อดี
  • ไม่ขึ้นกับแอพพลิเคชัน

  • มีความเร็วสูง

  • รองรับการขยายตัวได้ดี

  • ข้อเสีย
  • บางโปรโตคอลไม่เหมาะสมกับการใช้ Packet Filtering เช่น FTP, ICQ

  • Proxy
    Proxy หรือ Application Gateway เป็นแอพพลิเคชันโปรแกรมที่ทำงานอยู่บนไฟร์วอลล์ที่ตั้งอยู่ระหว่างเน็ตเวิร์ก
    2 เน็ตเวิร์ก ทำหน้าที่เพิ่มความปลอดภัยของระบบเน็ตเวิร์กโดยการควบคุมการเชื่อมต่อระหว่างเน็ตเวิร์กภายในและภายนอก
    Proxy จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากเนื่องจากมีการตรวจสอบข้อมูลถึงในระดับของแอพพลิเคชันเลเยอร์
    (Application Layer)
    เมื่อไคลเอนต์ต้องการใช้เซอร์วิสภายนอก ไคลเอนต์จะทำการติดต่อไปยัง Proxy ก่อน
    ไคลเอนต์จะเจรจา (negotiate) กับ Proxy เพื่อให้ Proxy ติดต่อไปยังเครื่องปลายทางให้
    เมื่อ Proxy ติดต่อไปยังเครื่องปลายทางให้แล้วจะมีการเชื่อมต่อ (connection)
    2 การเชื่อมต่อ คือ ไคลเอนต์กับ Proxy และ Proxy กับเครื่องปลายทาง โดยที่ Proxy
    จะทำหน้าที่รับข้อมูลและส่งต่อข้อมูลให้ใน 2 ทิศทาง ทั้งนี้ Proxy จะทำหน้าที่ในการตัดสินใจว่าจะให้มีการเชื่อมต่อกันหรือไม่
    จะส่งต่อแพ็กเก็ตให้หรือไม่
    รูปที่ 3 ใช้ Dual-homed Host เป็น Proxy Server

    ข้อดี-ข้อเสียของ Proxy
    ข้อดี
  • มีความปลอดภัยสูง

  • รู้จักข้อมูลในระดับแอพพลิเคชัน

  • ข้อเสีย
  • ประสิทธิภาพต่ำ

  • แต่ละบริการมักจะต้องการโปรเซสของตนเอง

  • สามารถขยายตัวได้ยาก

  • Stateful Inspection Technology
    โดยปกติแล้ว Packet Filtering แบบธรรมดา (ที่เป็น Stateless แบบที่มีอยู่ในเราเตอร์ทั่วไป)
    จะควบคุมการเข้าออกของแพ็กเก็ตโดยพิจารณาข้อมูลจากเฮดเดอร์ของแต่ละแพ็กเก็ต นำมาเทียบกับกฎที่มีอยู่
    ซึ่งกฎที่มีอยู่ก็จะเป็นกฎที่สร้างจากข้อมูลส่วนที่อยู่ในเฮดเดอร์เท่านั้น ดังนั้น
    Packet Filtering แบบธรรมดาจึงไม่สามารถทราบได้ว่า แพ็กเก็ตนี้อยู่ส่วนใดของการเชื่อมต่อ
    เป็นแพ็กเก็ตที่เข้ามาติดต่อใหม่หรือเปล่า หรือว่าเป็นแพ็กเก็ตที่เป็นส่วนของการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นแล้ว
    เป็นต้น
    Stateful Inspection เป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มเข้าไปใน Packet Filtering โดยในการพิจารณาว่าจะยอมให้แพ็กเก็ตผ่านไปนั้น
    แทนที่จะดูข้อมูลจากเฮดเดอร์เพียงอย่างเดียว Stateful Inspection จะนำเอาส่วนข้อมูลของแพ็กเก็ต
    (message content) และข้อมูลที่ได้จากแพ็กเก็ตก่อนหน้านี้ที่ได้ทำการบันทึกเอาไว้
    นำมาพิจารณาด้วย จึงทำให้สามารถระบุได้ว่าแพ็กเก็ตใดเป็นแพ็กเก็ตที่ติดต่อเข้ามาใหม่
    หรือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมต่อที่มีอยู่แล้ว
    ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทางการค้าที่ใช้ Stateful Inspection Technology ได้แก่
  • Check Point Firewall-1

  • Cisco Secure Pix Firewall

  • SunScreen Secure Net

  • และส่วนที่เป็น open source แจกฟรี ได้แก่
  • NetFilter ใน Linux (iptables ในลีนุกซ์เคอร์เนล 2.3 เป็นต้นไป)

  • Firewall Architecture
    ในส่วนของ Firewall Architecture นั้น จะพูดถึงการจัดวางไฟร์วอลล์คอมโพเน็นต์ในแบบต่างๆ
    เพื่อทำให้เกิดเป็นระบบไฟร์วอลล์ขึ้น
    Single Box Architecture
    Single Box Architecture เป็น Architecture แบบง่ายๆ ที่มีคอมโพเน็นต์ทำหน้าที่เป็นไฟร์วอลล์เพียงอันเดียวตั้งอยู่ระหว่างเน็ตเวิร์กภายในกับเน็ตเวิร์กภายนอก
    ข้อดีของวิธีนี้ก็คือการที่มีเพียงจุดเดียวที่หน้าที่ไฟร์วอลล์ทั้งหมด ควบคุมการเข้าออกของข้อมูล
    ทำให้ดูแลได้ง่าย เป็นจุดสนใจในการดูแลความปลอดภัยเน็ตเวิร์ก ในทางกลับกันข้อเสียของวิธีนี้ก็คือ
    การที่มีเพียงจุดเดียวนี้ ทำให้มีความเสี่ยงสูง หากมีการคอนฟิกูเรชันผิดพลาดหรือมีช่องโหว่เพียงเล็กน้อย
    การผิดพลาดเพียงจุดเดียวอาจทำให้ระบบถูกเจาะได้
    รูปที่ 4 Firewall Architecture แบบชั้นเดียว
    คอมโพเน็นต์ที่ใช้ใน Architecture นี้อาจเป็น Screening Router , Dual-Homed
    Host หรือ Multi-purposed Firewall Box ก็ได้
    1) Screening Router
    เราสามารถใช้เราเตอร์ทำ Packet Filtering ได้ วิธีนี้จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากส่วนใหญ่จะใช้เราเตอร์ต่อกับเน็ตเวิร์กภายนอกอยู่แล้ว
    แต่วิธีนี้อาจไม่ยืดหยุ่นมากนักในการคอนฟิกกูเรชัน
    Architecture แบบนี้เหมาะสำหรับ
  • เน็ตเวิร์กที่มีการป้องกันความปลอดภัยในระดับของโฮสต์ (Host security) เป็นอย่างดีแล้ว

  • มีการใช้โปรโตคอลไม่มาก และโปรโตคอลที่ใช้ก็เป็นโปรโตคอลที่ไม่ซับซ้อน

  • ต้องการไฟร์วอลล์ที่มีความเร็วสูง

  • 2) Dual-Homed Host
    เราสามารถใช้ Dual-Homed Host ( คอมพิวเตอร์ที่มีเน็ตเวิร์กอินเตอร์เฟสอย่างน้อย
    2 อัน) ใช้การบริการเป็น Proxy ให้กับเครื่องภายในเน็ตเวิร์ก
    Architecture แบบนี้เหมาะสำหรับ
  • เน็ตเวิร์กที่มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตค่อนค่างน้อย

  • เน็ตเวิร์กที่ไม่ได้มีข้อมูลสำคัญๆ

  • 3) Multi-purposed Firewall Box
    มีผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่ผลิตออกมาเป็นกล่องๆ เดียว ซึ่งทำหน้าที่ได้หลายอย่าง
    ทั้ง Packet Filtering, Proxy แต่ก็อย่าลืมว่านี่คือ Architecture แบบชั้นเดียว
    ซึ่งถ้าพลาดแล้วก็จะเสียหายทั้งเน็ตเวิร์กได้
    Screened Host Architecture
    Screened Host Architecture จะมีโฮสต์ซึ่งให้บริการ Proxy เหมือนกับใน Single
    Box Architecture ที่เป็น Dual-homed Host แต่จะต่างกันตรงที่ว่า โฮสต์นั้นจะอยู่ภายในเน็ตเวิร์ก
    ไม่ต่ออยู่กับเน็ตเวิร์กภายนอกอื่นๆ (ดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ Dual Homed
    Host) และจะมี เราเตอร์ที่ทำหน้าที่ Packet Filtering ช่วยบังคับให้เครื่องภายในเน็ตเวิร์กต้องติดต่อเซอร์วิสผ่าน
    Proxy โดยไม่ยอมให้ติดต่อใช้เซอร์วิสจากภายนอกโดยตรง และก็ให้ภายนอกเข้าถึงได้เฉพาะ
    Bastion host ( คือโฮสต์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี มักจะเป็นโฮสต์ที่เปิดให้บริการกับอินเตอร์เน็ต
    ดังนั้นโฮสต์นี้ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ) เท่านั้น
    จากรูปที่ 5 ใน Architecture แบบนี้จะประกอบไปด้วยเราเตอร์ทำหน้าที่ Packet
    Filtering และภายในเน็ตเวิร์กจะมี Bastion Host ให้บริการ Proxy อยู่ โดยที่เราเตอร์นั้นอาจจะถูกเซ็ตดังนี้
  • อาจจะอนุญาตให้เครื่องภายในใช้เซอร์วิสบางอย่างได้โดยตรง

  • ส่วนเซอร์วิสอื่นๆ จะไม่ยอมให้เครื่องภายในติดต่อผ่านออกไปโดยตรง ยกเว้น
    Bastion Host เท่านั้นที่สามารถติดต่อกับเน็ตเวิร์กภายนอกได้ทั้งนี้เพื่อเป็นการบังคับให้ใช้บริการ
    Proxy ผ่านทาง Bastion Host เท่านั้น

  • หรืออาจจะเซ็ตให้เซอร์วิสส่วนใหญ่ผ่านเราเตอร์ออกไปได้โดยตรงแล้ว ให้บางส่วนต้องใช้เซอร์วิสผ่าน
    Proxy ก็แล้วแต่นโยบายและความเหมาะสมขององค์กร
    รูปที่ 5 Screened Host Architecture

    วิธีนี้ถึงแม้ว่าจะมีทั้ง Proxy และเราเตอร์ทำหน้าที่ Packet Filtering แต่ก็ยังคงอันตรายอยู่
    เพราะว่าเราเตอร์ต้องยอมให้ภายนอกสามารถติดต่อกับ Bastion Host ได้อยู่แล้ว หากแฮกเกอร์สามารถเจาะเข้ามายัง
    Bastion Host ได้ก็เสร็จ
    Architecture นี้เหมาะสำหรับ
  • เน็ตเวิร์กที่มีการติดต่อกับเน็ตเวิร์กภายนอกน้อย

  • เน็ตเวิร์กที่มีการป้องกันความปลอดภัยในระดับของโฮสต์เป็นอย่างดีแล้ว

  • Multi Layer Architecture
    ในสถาปัตยกรรมแบบหลายชั้น ไฟร์วอลล์จะเกิดขึ้นจากคอมโพเน็นต์หลายๆส่วนทำหน้าที่ประกอบกันขึ้นเป็นระบบ
    วิธีการนี้สามารถเพิ่มความปลอดภัยได้มาก เนื่องจากเป็นการลดความเสี่ยงต่อความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
    ถ้าหากมีไฟร์วอลล์เพียงจุดเดียวแล้วมีเกิดความผิดพลาดเกิดขึ้น ระบบทั้งหมดก็จะเป็นอันตราย
    แต่ถ้ามีการป้องกันหลายชั้น หากในชั้นแรกถูกเจาะ ก็อาจจะมีความเสียหายเพียงบางส่วน
    ส่วนที่เหลือระบบก็ยังคงมีชั้นอื่นๆ ในการป้องกันอันตราย และยังลดความเสี่ยงได้โดยการที่แต่ละชั้นนั้นมีการใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน
    เพื่อให้เกิดความหลากหลาย เป็นการหลีกเลี่ยงการโจมตีหรือช่องโหว่ที่อาจมีในเทคโนโลยีชนิดใดชนิดหนึ่ง
    โดยทั่วไปแล้วสถาปัตยกรรมแบบหลายชั้นจะเป็นการต่อกันเป็นซีรี่โดยมี Perimeter
    Network (หรือบางทีเรียกว่า DMZ Network) อยู่ตรงกลาง เรียกว่า Screened Subnet
    Architecture
    รูปที่ 6 Screened Subnet Architecture

    Screened Subnet Architecture
    Screened Subnet Architecture เป็นสถาปัตยกรรมที่มีการเพิ่ม Perimeter Network
    เข้าไปกั้นระหว่างอินเตอร์เน็ตกับเน็ตเวิร์กภายในไม่ให้เชื่อมต่อกันโดยตรง ทำให้เน็ตเวิร์กภายในมีความปลอดภัยมากขึ้น
    ในรูปที่ 6 แสดง Screened Subnet Architecture อย่างง่าย ประกอบไปด้วย เราเตอร์
    2 ตัว ตัวนึงอยู่ระหว่างอินเตอร์เน็ตกับ Perimeter Network ส่วนอีกตัวหนึ่งอยู่ระหว่าง
    Perimeter Network กับเน็ตเวิร์กภายใน ถ้าหากแฮกเกอร์จะเจาะเน็ตเวิร์กภายในต้องผ่านเราเตอร์เข้ามาถึง
    2 ตัวด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะเจาะชั้นแรกเข้ามายัง Bastion host ได้ แต่ก็ยังต้องผ่านเราเตอร์ตัวในอีก
    ถึงจะเข้ามายังเน็ตเวิร์กภายในได้
    คอมโพเน็นต์ของ Screened Subnet Architecture ในรูปที่ 6
  • Perimeter Network เป็นเน็ตเวิร์กที่เพิ่มเข้ามาเพื่อความปลอดภัย อยู่ระหว่างเน็ตเวิร์กภายนอกกับเน็ตเวิร์กภายใน
    ประโยชน์ของ Perimeter Network ที่เห็นได้ชัดก็คือ การแบ่งเน็ตเวิร์กออกเป็นส่วนๆ
    ทำให้การไหลของข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆตามเน็ตเวิร์กด้วย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว
    เน็ตเวิร์กที่เป็นแลนนั้น จะเป็นแบบ Ethernet ซึ่งจะมีการส่งข้อมูลแบบ Broadcast
    ดังนั้นถ้ามีใครคอบดักจับข้อมูลอยู่ในเน็ตเวิร์กนั้น ก็จะได้พาสเวิร์ด ข้อมูลต่างๆ
    ไปหมด ดังนั้นหากไฟร์วอลล์เรามีชั้นเดียวและแฮกเกอร์สามารถเข้ามาได้ โดนดักจับข้อมูลก็เสร็จหมด
    แต่ถ้าเรามี Perimeter Network ถึงจะดักจับข้อมูลได้แต่ก็จะได้เพียงที่อยู่บน
    Perimeter Network เท่านั้น

  • Bastion Host ตั้งอยู่บน Perimeter Network ทำหน้าที่ให้บริการ Proxy กับเน็ตเวิร์กภายใน
    และให้บริการต่างๆ กับผู้ใช้บนอินเตอร์เน็ต Bastion Host นั้นจะมีความเสี่ยงต่อการโจมตีสูง
    จึงต้องมีการดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ

  • Interior Router ตั้งอยู่ระหว่าง Perimeter Network กับเน็ตเวิร์กภายใน ทำหน้าที่
    Packet Filtering ป้องกันเน็ตเวิร์กภายในจาก Perimeter Network ในการเซ็ต configuration
    ระหว่าง เน็ตเวิร์กภายในกับ Perimeter Network ควรกำหนดอย่างรอบคอบ อนุญาตเฉพาะเซอร์วิสที่จำเป็นเท่านั้นอย่างเช่น
    DNS, SMTP

  • Exterior Router ตั้งอยู่ระหว่างเน็ตเวิร์กภายนอกกับ Perimeter Network เนื่องจาก
    Exterior Router นี้เป็นจุดที่ต่ออยู่กับเน็ตเวิร์กภายนอก จึงมีหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ
    การป้องกันแพ็กเก็ตที่มีการ Forged IP Address เข้ามา โดยอ้างว่ามาจากเน็ตเวิร์กภายในทั้งๆ
    ที่จริงๆ แล้วมาจากเน็ตเวิร์กภายนอก
  • วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

    บ้านเราสร้างค่านิยมในสายอาชีพด้าน IT กันถูกหรือไม่ (Thai IT Career Path rigth or wrong?)

    ยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เราซึ่งทำงานเรื่อยๆ กลับกลายเป็นคนล้าหลัง โดยไม่คาดคิดไม่ใช่เพราะเราหัวโบราณ แต่เป็นเพราะเราไม่รู้ว่าโลกนั้นก้าวหน้าไปรวดเร็วคนเรามีความคิดและชีวิตแตกต่างกัน สิ่งแวดล้อมต่างกัน งานอดิเรกต่างกันแต่สิ่งหนึ่งที่คนในวงการคอมฯ ต้องตระหนักคือ บริบทที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแตกต่างจากบริบทในวงการอื่น เช่น วงการนิติศาสตร์ วงการรัฐศาสตร์ ที่นานๆจะเปลี่ยนกฎหมาย เปลี่ยนระบอบการปกครอง ซักทีถามว่าผิดไหม ถ้าไม่ปรับตัวตามกระแส ก็ต้องตอบได้เลยว่า ไม่ผิดแต่ Value ของคุณจะต่ำโดยธรรมชาติของยุคสมัยไปเองดังนั้นสิ่งที่เราทำกันอยู่ คือ การเปลี่ยน career path ไปส่วนงานที่ไม่ใช้ทักษะเชิงเทคนิคสังเกตว่าบ้านเรา ไม่มีตำแหน่งวิศวะกรอาวุโส ไม่มีโปรแกรมเมอร์ประสบการณ์สูงมีอายุ ไม่มี SA อายุ 50แต่หลายๆคนก็จำใจเปลี่ยน เพราะเรื่องเงินเดือนเรานิยมเรียนต่อ MBA เพื่อเลี่ยงการปรับตัวตลอดเวลาต่อเทคโนโลยี และคาดหวังจะเป็นหัวหน้าคน หรือเงินเดือนสูงๆ นอกจากนั้นยังมีค่านิยมที่เห็นว่าการบริหารใช้สมองมากกว่าเชิงเทคนิค (ที่ใช้แรงงาน)เราจึงขาดคนที่เข้าใจต่อปัญหาการผลิตซอฟต์แวร์อย่างมาก เพราะคนที่มีประสบการณ์เปลี่ยนไปสายบริหารพอไม่ได้ใช้นานๆ ก็ลืม น่าเสียดายความรู้และประสบการณ์เชิงเทคนิคอยากฝากให้พวกเราช่วยตระหนัก และเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ส่งเสริม Career Path เชิงเทคนิค เพื่อให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยก้าวไกลกว่านี้ครับ

    จากรูปด้านบนจะเห็นได้ว่า ตำแหน่งงานในวงกลมสีเขียวส่วนมาก (คิดว่ามากกว่า 95% - ความคิดเห็นส่วนตัว รอคนทำสถิติอยู่) จะย้ายตำแหน่งไปเป็นสายเชิงบริหารในอนาคต ทำให้ตำแหน่งงานในวงกลมสีแดงขาดแคลนอย่างมาก ซึ่งเป็นเพราะปัจจัย 2 อย่าง คือ เงินเดือนในตำแหน่งนั้นๆ เทียบกับตำแหน่งที่ทำได้ในสายอื่นๆ และความรู้ของคนที่จะมาทำขอยกคำพูดขอ ดร.รอม หิรัญพฤกษ์ ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย ซอฟต์แวร์ปาร์ค เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว มาเป็นอุทธาหรณ์ดังนี้ครับ "......บุคลากรไอทีทั่วโลกมี 30 ล้านคน มีคนที่เป็น SA อยู่ประมาณ 1% ส่วนไทยมีบุคลากรไอที 35,000-40,000 คน ใช้บัญญัติไตรยางค์ก็จะได้ออกมาประมาณ 300-400 คน ตัวเลขกลมๆ และจากผลสำรวจพบว่า 70% ของสาเหตุที่ระบบไอทีล่มเหลวคือขาด SA ที่เชี่ยวชาญ........."เป็นคำถามฝากให้คิดกันต่อไปแล้วกันครับว่า ที่ ดร.รอม พูดคำว่า SA ที่เชี่ยวชาญ นั้น หมายถึง SA ที่มีบทบาทหน้าที่อย่างไร เพราะหลายองค์กร จะให้ SA ทำหน้าที่ทั้ง Business Analyze, Software Design หรือบางทีอาจเหมือน Documentator หรือ Coordinator ไปเลยก็มี

    วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551

    RAID เทคโนโลยีสูงสุดของการป้องกันความเสียหายของข้อมูลและความเร็วในฮาร์ดดิสก์

    RAID (Redundant Array of Inexpensive Disks) คือเทคโนโลยีการนำฮาร์ดดิสก์ หลายๆ อันมาต่อเข้าด้วยกันเพื่อให้มองเห็นเป็นอันเดียว เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูล หรือเพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนข้อมูล หลักการโดยรวมของ RAID คือ การสำเนาข้อมูล (mirroring) การแบ่งส่วนข้อมูล (striping) และการแก้ไขความผิดพลาด (error correction)
    การตั้งค่า RAID จะแบ่งเป็นระดับ (level) โดยที่แต่ละระดับจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น ที่ระดับ 0 จะใช้วิธีการแบ่งส่วนข้อมูลเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนข้อมูล แต่ไม่ช่วยในเรื่องของการแก้ไขความผิดพลาด ในขณะที่ระดับ 1 จะช่วยในการแก้ไขความผิดพลาดของข้อมูล แต่ต้องแลกกับการเนื้อที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เป็นต้น นอกจากนี้ในการตั้งค่าบางรูปแบบยังสามารถผสมระดับต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นระดับแบบซ้อน เช่น RAID 10 หรือ RAID 0+1 จะเป็นการสร้าง RAID 0 อยู่บน RAID 1 ซึ่งจะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและการแก้ไขความผิดพลาด เป็นต้น
    Raid 0 (striping)ช่วยให้การบันทึกข้อมูลได้เร็วขึ้น แต่ถ้ามีฮาร์ดดิสก์ก้อนใดก้อนหนึ่งเสีย จะทำให้ข้อมูลทั้งหมดไม่สามารถใช้งานได้ สมมติมีฮาร์ดดิสก์ 2 ก้อน ก้อนละ 100 GB จะมีเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลทั้งหมด 200 GB
    ฮาร์ดดิสก์ 1 <<< 1 3 5 7
    <<< ข้อมูลที่เข้ามา 1 2 3 4 5 6 7 8
    ฮาร์ดดิสก์ 2 <<< 2 4 6 8
    Raid 1 (mirroring)ช่วยให้ข้อมูลมีความปลอดภัย ถ้าฮาร์ดดิสก์ก้อนใดเสีย อีกก้อนหนึ่งก็จะทำงานแทนได้ สมมติมีฮาร์ดดิสก์ 2 ก้อน ก้อนละ 100 GB จะมีเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลทั้งหมด 100 GB
    ฮาร์ดดิสก์ 1 <<< 1 2 3 4 5 6 7 8
    <<< ข้อมูลที่เข้ามา 1 2 3 4 5 6 7 8
    ฮาร์ดดิสก์ 2 <<< 1 2 3 4 5 6 7 8

    วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

    ไข่เจียวตามหลักวิทยาศาสตร์ฟูน่ากิน

    1. จุดประสงค์ของการทำไข่เจียวก็คือ ทำไข่ให้ฟูมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็จะกลายเป็นไข่กวน
    2. ทางวิศวกรจึงได้คิดค้นหลักการฟูไข่ ด้วยการเติมน้ำลงไปเล็กน้อย ในอัตราส่วน น้ำ 12.865 cc ต่อไข่ไก่มวล 2.86792 กรัม หรือประมาณ 2.653 ฟอง
    3. หลังจากการตีไข่ด้วยเครื่องปั่นที่ความเร็ว 1200 รอบต่อวินาที เป็นเวลา 1 นาที หรือถ้าตีด้วยส้อมก็จะใช้ความเร็ว 2608.50 ทีต่อชั่วโมง เพื่อให้อะตอมของน้ำ แทรกซึมเข้าไปในอนูของไข่อย่างเต็มที จากนั้นรีบเทส่วนผสมลงไปในน้ำมันร้อนๆ ที่ที่กำลังเดือดปุดๆ ณ อุณหภูมิประมาณ 1250.75 องศาฟาเรนไฮท์
    4. ที่อุณหภูมิขนาดนั้น จะทำให้อะตอมของน้ำ ทำปฏิกิริยาคาโรแดนโนโทรฟี่ไดแอ็คโครโรซีนิกส์กับน้ำมัน ทำให้อะตอมของน้ำเกิดการระเหยอย่างฉับพลันหรือที่เรียกกันว่าแอนฟี่ไออ้อนไตรแซ็คนีเฟียส ทันที่มีอะตอมของน้ำระเหย จะดันอะตอมของไข่ไปรอบๆ ตัวมัน ผลก็คือ เกิดการพองเป็นเม็ดๆ ไปทั่วไข่
    5. การพองดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเยี่ยงปฏิกิริยานิวเคลียรทำให้ไข่ฟูฟ่องเต็มกระทะน่ากินยิ่งนัก
    6. ผลการทดลองสำเร็จไปด้วยดี
    แต่... มันได้เกิดผลข้างเคียงจากการผสมน้ำลงไปในไข่ นันคือเกิดแกสอโลม่าซานโฟนิออสโพรฟิเนคีติ ซึ่งค่อนข้างมีกลิ่นหืนเล็กน้อย ทางวิศวกรจึงได้เติมน้ำมะนาวลงไป 5.006 cc หรือ 1/6 ผล
    7. ผลปรากฏว่า ไข่เจียวมีกลิ่นหอมน่าทานเป็นยิ่งนัก จึงได้มีการเผยแพรเคล็ดลับนี้ตามสถานีข่าวและเว็บไซต์ชั้นนำของโลก จนเป็นที่กล่าวขวัญมาจวบจนทุกวันนี้

    วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

    รวม Tip Windows XP กว่า 90 ทิป



    1.แปลงระบบ FAT32 ให้เป็น NTFS
    ไปที่ start >run
    พิมพ์ Convert X: /FS:NTFS
    X คือ ไดร์ฟที่จะเปลี่ยน
    ระหว่าง ไดร์ฟ: กับ / ต้องมีเว้นวรรค
    แล้วกด ok แล้วจะมีการยืนยันกด yes ไปเรื่อยๆแล้วกด enter เพื่อ restart แล้วก็รอจะเข้า windows ใหม่ ก็เรียบร้อย
    ------------------------------------------------------------------------------
    2.วิธี backup registry
    start>program>accessories>system tool เลือก backup
    จะปรากฏหน้าต่าง backup or restore
    คลิกที่ลิงค์ advance mode
    คลิกแถบ backup
    แล้วคลิกเลือกส่วน System State
    ดูด้านล่างตรง backup media or file name กำหนดว่าจะ backup ที่ไหน
    คลิก start backup แระstart backup จนเสร็จ
    ------------------------------------------------------------------------------
    3.วิธี restore registry
    start>program>accessories>system tool เลือก backup
    จาปรากฏหน้าต่าง backup or restore
    คลิกที่ลิงค์ advance mode
    คลิกแถบ restore and manage media
    คลิกเลือก system state ที่ backup ไว้
    คลิก start restore
    ------------------------------------------------------------------------------
    4.หยุดการ auto run ของแผ่น cd
    ก่อน shift ค้างแล้วใส่แผ่น cd
    ------------------------------------------------------------------------------
    5.ลบโปรแกรมที่มาพร้อมกับ win xp ออก
    โปรแกรมที่มากับ winxp จะไม่มีใน add remove
    ไปที่ start >setting>control panal>folder option
    เลือกแถบ view เลือก show hidden files....เพื่อให้ windows โชว์ไฟล์ทั้งหมด
    แล้วไปที่ start>run พิมพ์ inf
    หาไฟล์ sysoc.inf แล้วดับเบิ้ลคลิก จะเปิดมาใน notepad
    มองหาโปรแกรมที่จะลบ แล้วลบคำว่า hide ออกแล้ว save แล้วไปที่ add remove แล้วลบโปรแกรมที่จะเอาออก
    ------------------------------------------------------------------------------
    6.วิธีลบ Shared Documents ออกจาก My Computer
    บางท่านคงไม่เคยใช้ประโยชน์จากโฟลเดอร์นี้เลย ครั้งอยากลบก็ลบเหมือนโฟลเดอร์ทั่วๆไปไม่ได้ รกตาเป็นบ้า
    ดังนั้นเรามาดูวิธีลบมันออกไปกันดีกว่า หุหุหุ
    ก่อนอื่นให้ไปที่ Start>Run แล้วพิมพ์ regedit
    จากนั้นให้เลือกที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\Curr entVersion\Explorer\MyComputer\NameSpace\DelegateF olders
    จากนั้นให้มองหาคีย์ {59031a47-3f72-44a7-89c5-5595fe6b30ee}
    ลบคีย์ที่ว่านี้ออกไปซะ Restart เครื่องใหม่ซะ
    Shared Documents ก็จะหายไปจาก My Computer
    ------------------------------------------------------------------------------
    7.เมื่อ keyboard เสีย
    เราสามารถใช้โปรแกรมที่มากับ winxp มาแก้ขัดก่อนได้ คือ on-screen keyboard
    ไปที่ start>run พิมพ์ OSK
    ------------------------------------------------------------------------------
    8.เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน
    โดยปกติเมื่อเปิดเครื่องเข้า winxp นานประมาณ 30 วินาทีอาจไม่ทันใจพวกเรานัก
    ไปที่ start>run พิม cmd
    มันจะขึ้นมาเป็น Dos พร้อม พิมพ์ bootcfg /timeout 5
    แล้วกด enter
    แล้วลองเข้า winxp ใหม่
    ------------------------------------------------------------------------------
    9.โปรแกรม ค้าง ระหว่างการใช้งาน
    กด alt+ctrl+delete จะปรากฏหน้าต่าง window task manager เลือก application
    ดูว่าโปรแกรมไหนที่ not responting ก็ไปที่โปรแกรม แล้วกด end task
    ------------------------------------------------------------------------------
    10.การทำให้ Notepad ไม่มี Scrollbar
    บางคนอาจจะงง จะทำให้มันไม่มีไปทำไม
    คำตอบคือ บางครั้งเวลาเปิดอ่านข้อความในโน๊ตแพด บางทีมันจะยาวไปทางขวามากๆ ทำให้เวลาอ่านต้องเลื่อนตามไป อ่านลำบากดีแท้ อันนี้ก็เป็นวิธีทำให้อ่านง่ายขึ้นอีกนิด
    วิธีก็ เข้าไปที่โปรแกรม NotePad แล้วไปที่ เมนู Format > Word Wrap
    เท่านี้มันก็จะเรียงให้ใหม่
    ------------------------------------------------------------------------------
    11.หลายครั้งที่เปิดหน้าต่าง IE ขึ้นมา มันจะใหญ่ๆเล็กๆ ไม่เท่ากันใช่มั้ย ต้องานั่งกดให้มันเต็มจอทุกครั้งดูแล้วน่ารำคาญ
    เรามีวิธีแก้ง่ายๆให้คุณ หุหุหุ
    1. เข้าที่ Starts > Program > Internet Explorer คลิกขวาเลือก Properties
    2. ที่หน้าต่าง Internet Explorer Properties ช่อง Run: คลิกเลือกให้อยู่ที่ Maximized แล้วคลิก OK
    ------------------------------------------------------------------------------
    12.ติดจรวจในการเล่น internet ใน winxp
    การใช้ internet บางครั้งเร็ว บางครั้ง ขึ้นอยู่กับส่วนปะกอบหลายอย่าง วิธีนี้ก็ทำให้ internet เร็วขึ้นที่ถูกและเร็ว ^o^
    ไปที่ start > run พิมพ์ gpedit.msc กด ok
    จะแสดงหน้าต่าง Group Policy
    ที่ computer config.. เลือก Administrative Templates
    หัวข้อ network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
    มองหน้าต่างขวามือ ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwith
    จะปรากฏหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwith Propoties เลือกแถบ setting คลิกเลือกที่ช่อง Enable
    ในกรอบ Bandwith limit(%) ปรับเป็น 0 แล้วกด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    13.เวลาเราใช้คำสั่ง Search (Start>Search)
    หาไฟล์ต่างๆในเครื่อง มันจะมีหมาน้อย ออกมาพูดแนะนำต่างๆใช่มะ
    หากเราเหม็นขี้หน้ามัน เราสามารถไล่มันไปได้
    วิธีก็ดังนี้เลย
    ไปที่ Start>Search
    จากนั้นดูด้านล่าง จะเห็น Change preferances คลิกเข้าไปโลด
    คลิก Without an animeted screen character
    เท่านี้เจ้าหมาน้อย ก็จะเดินจากเราไปแบบงอนๆ
    ------------------------------------------------------------------------------
    14.เร่งความเร็ว start menu ให้เร็วทันใจ
    ไปที่ start >run พิมพ์ regedit
    เลือก HKEY_CURRENT_USER\Control Panal\Desktop ดูกรอบขวามือ ดับเบิ้ลคลิก MenuShowDelay ปรากฏ edit string ในกรอบ value data ให้ใส่ไป 0 ไปเลย ถ้าอยากให้เร็วสุดๆ ^^
    ------------------------------------------------------------------------------
    15.error report ความผิดพลาดในการใช้ windows xp
    หรือโปรแกรมอื่นๆ เวลามันผิดพลาดจะปรากฏหน้าต่าง error report เพื่อแจ้งไปให้ไมโครซอฟได้รู้ แต่ถ้าจาปิดหน้าต่างนี้ ก็
    คลิกขวา my com > propoties
    เลือก advance คลิกปุ่ม error reporting
    คลิกเม้าที่หน้า disable error reporting กด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    16.System Restore จะช่วยให้สามารถเรียกระบบ window
    ที่สมบูรณ์กลับคืนมาเมื่อ windows มีปันหา แต่ปันหาว่า มันกินพื้นที่ไปประมาณ 15% ของ HDD ถ้าเรามีเนื้อที่ม่ายพอ ก้อปิดการทำงานส่วนนี้ไปเลย
    คลิกขวา my com >propoties เลือกแถบ system restore เอาเครื่องหมายถูกหน้า turn off system restore ออก กด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    17.ปรับขนาดของถังขยะ recycle bin เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้งาน
    คลิกขวา recycle bin ไป propoties
    ปรับที่ตรง % จากเดิมมันจะเป็น 20% ก็ปรับเป็น 4 %ของ HDD จะก็สามารถเพิ่มพื้นที่ของ HDD ได้อีก 16% เลย ^o^
    ------------------------------------------------------------------------------
    18.ปรับแต่งโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำให้เร็วขึ้น
    ให้กดปุ่ม clrt + alt + delete ปรากฏกรอบ windows task manager เลือกแถบ processes
    เลือกโปรแกรมที่จะปรับแต่ง คือคลิกขวาที่โปรแกรม แล้วไปที่ set priority
    normal เป็นการทำงานปกติ ก้อปรับเป็น high
    ถ้าโปรแกรมเร็วเกินไปก้อไปที่ low เมื่อปรับแต่งเสร็จจะแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงค่า ให้คลิก ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    19.มีบางคนใช้คอมฯ อยู่ดีๆแล้วรีสตาร์ทอัตโนมัติ
    สาเหตุก็เกิดจากโปรแกรมได้กำหนดค่าไว้ให้มีการรีสตาร ์ทระบบอัตโนมัติเมื่อพบว่าระบบมีปัญหา
    วิธีแก้คือ
    คลิกขวา my com > propoties
    ที่กรอบ system propoties เลือกแถบ advance
    คลิกที่ setting จากกรอบ startup and recovery
    ที่กรอบ system failure ให้ติ๊กถูกที่ automatically restart ออก แล้วกด ok เพื่อยืนยัน หรือ นอนยัน 555
    ------------------------------------------------------------------------------
    20.วิธีประหยัดไฟ คอมพิวเตอร์
    start > turn off computer > turn off
    ------------------------------------------------------------------------------
    21.ใครแอบดูเราตอนเล่นเนต์ อาจจะมีเซียนมือโปรเข้ามาขโมยข้อมูลเราก็ได้ เราสามารถใช้ win xp ตรวจดูได้
    ไปที่ start > run พิมพ์ nestat 20 แล้วกด ok
    ปรากฏหน้าต่างขึ้นมาดูว่ามี ip อันไหนแปลกปลอมเข้ามาบ้าง โดยโปรแกรมจะตรวจทุกๆ 20 วินาที
    ------------------------------------------------------------------------------
    22.ดู ip เครื่องยังไง
    ไปที่ start >run พิมพ์ cmd แล้ว ok
    แล้วพิมพ์ ipconfig แล้วกด enter
    ดูตรง ip address
    ------------------------------------------------------------------------------
    23.อาการเม้าส์เจ๊ง ถ้าไม่มีเวลาไปซื้อ ก็ต้องใช้ คีย์บอร์ด แทนไปก่อน
    ทำได้ดังนี้
    ไปที่ start >setting>control panal
    ดับเบิ้ลคลิกที่ accessibility options
    เลือกแถบ mouse คลิกเครื่องหมายถูกหน้า use mouse keys คลิกปุ่ม settings ในกรอบ keyboard shortcut คลิกเม้าส์ที่ช่องของ use shortcut เพื่อกำหนดดารใช้งานของ keyboard คลิกปุ่ม ok
    ต่อไปก้อใช้ keyboard แทนเม้าส์ได้ชั่วคราว โดยที่ปุ่ม 1,2,3,4,6,7,8,9 ใช้ควบคุมทิศทาง และ 5แทนการคลิกเม้าส์
    ------------------------------------------------------------------------------
    24.เวลาเอาโปรแกรมขึ้นมาหน้าจอเดสทอป
    จะเห็นลูกศร ซึ่งท่านรำคาญมาก เอาลูกศรออกจากช๊อตคัดของโปรแกรมได้ดังนี้
    ไปที่ start >run พิมพ์ regedit
    เลือก HKEY_CLASSES_ROOT\Inkfile แล้วดูข้างขวา
    จะมี IsShortcut แล้วคลิกขวา delete ไปเลย กด yes แล้วปิดหน้าต่าง regedit ไปเลย
    จะเห็นว่าลูกศรหายไปแล้ว ^^
    ------------------------------------------------------------------------------
    25.เวลาจะเข้าเวปที่ลงท้ายด้วย .com เช่น siamsport
    เราไม่ต้องเสียเวลานั่งพิมพ์ www.siamsport.com (http://www.siamsport.com/) ในช่องแอดเดรส
    แต่ให้เราพิมพ์แค่ siamsport แล้วกด Ctrl+Enter เท่านี้ก็พอ
    มันก็จะเป็น http://www.siamsport.com (http://www.siamsport.com/)
    โดยอัตโนมัติ
    ------------------------------------------------------------------------------
    26.ลบโปรแกรมให้หมดจด
    การ uninstall หรือ add/remove ก็ใช่ว่าจะลบไปจากเครื่องได้หมด เพราะมันจะยังอยู่ใน registry ของเครื่อง
    ไปที่ start >run พิมพ์ regedit
    เลือกที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\Curr entVersion\Uninstall
    ลบโปรแกรมที่ ลบออก
    ------------------------------------------------------------------------------
    27.การปิดเซอร์วิสสำหรับผู้ใช้คนเดียว
    จะช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการทำงานให้กับร ะบบ และสำหรับผู้ที่ใช้คอมที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับ
    เครื่อข่ายต่างๆเช่นระบบ แลน ผู้ใช้ตามบ้าน สามารถปิดเซอร์วิสจำนวนมากที่เกี่ยวกับเครื่อข่าย ซึ่งไม่มีการใช้งาน ดังนี้ alerter , clipbook , computer browser , fast user switching ฯลฯ
    โดยไปที่ start >setting>control panel > administrative tools >service
    โปรแกรม service จาปรากฏขึ้น ในกรอบด้านขวา จะเห็นรายการเซอร์วิสต่างๆ สามารถปิดเซอร์วิสต่างๆเพื่อเพิ่มความเร็วกับระบบ ด้วยการ ดับเบิ้ลคลิกบนเซอร์วิส ในไดอะล๊อกบอกซ์ propoties ที่ปรากฏขึ้น หัวข้อ startup type ให้กำหนดเป็น disbled แล้วคลิก ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    28.shutdown ของ winxp
    ใครก็รู้ว่ามันนานมาก ทิปนี้จาสามารถปิดเครื่องจากธรรมดา 50 วินาที จะเหลือเพียง 20-25 วินาที
    โดยไปที่ start >run พิมพ์ regedit
    HKEY_CURRENT_USER\control panel\desktop
    ในกรอบด้านขวา HungAppTimeout ว่ามีค่าเท่ากับ 5000 ตามค่า default ให้เปลี่ยนเป็น 2000
    จากนั้นดูที่ WaitToKillAppTimeout จะเห็นค่า default เท่ากับ 20000 ให้ดับเบิ้ลคลิก แล้วแก้เป็น 4000
    จากนั้นไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Contro l
    ที่ด้านขวา แก้ไขค่า WaitToKillServiceTimeout จาก 20000 ให้เท่ากับ 4000
    ปิดโปรแกรม แล้วลองปิดเครื่อง................................. .......
    ------------------------------------------------------------------------------
    29.เพิ่มประสิทธิภาพโดยการปรับแต่งหน่วยความจำ
    ใน windows ทุกๆ ver. เมื่อหน่วยความจำของระบบไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เช่นในกรณีที่ท่านเปิดโปรแกรมเป็นจำนวนมาก windows จะนำข้อมูลบางส่วนเก็บไว้ใน HDD โดยอัตโนมัติ เป็นการใช้ HDD เป็นเหมือนหน่วยความจำเสมือน
    เราก็รู้ดีว่า แรมนั้นเร็วกว่า HDD ดังนั้น ถ้าท่านมีหน่วยความจำติดตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก <มากกว่า 256> ท่านสามารถเพิ่มประสิทธิการทำงานของระบบด้วยการปิดกา รย้ายข้อมูลไปยัง HDD ของ windows โดยการ
    ไปที่ regedit เหมือน rep บนๆนั้นละ
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControl\Control\S ession Manager\Memory Management
    ด้านขวาดับเบิ้ลคลิก DisablePagingExcutive
    ให้แก้ค่า value data จาก 0 ให้เห็น 1 แล้วคลิก ok
    แก้เสร็จ แล้ว restart
    ------------------------------------------------------------------------------
    30.เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการยกเลิกการเก็บ DLL ของ win XP
    ในการทำงานของ windows และโปรแกรมต่างๆ ระบบจะมีการโหลดไฟล์จำนวนมากหนึ่งกลุ่มที่ถูกใช้งานอ ยู่เสมอ และเป็นองค์ประกอบสำคัญ คือไฟล์ DLL จำนวนมาก
    เมื่อ DLL บางส่วนไม่มีการใช้งานอีกต่อไป เช่น เมื่อท่านปิดโปรแกรม แต่ winXP จะยังคงเก็บไฟล์เหล่านี้เอาไปไว้ในแคชเผื่อจะมีการใช ้อีก ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งานอย่างรวดเร็ว แต่การเก็บไฟล์เหล่านี้เอาไว้ จะเป็นการสิ้นเปลืองหน่วยความจำโดยไม่จำเป็น
    ไปที่ regedit
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\Curr entVersion\Explorer
    เอาแถบน้ำเงินวางใน Explorer
    จากนั้นเลือกคำสั่ง edit>new>key
    ให้ท่านตั้งชื่อเป็น AlwaysUnloadDLL จากนั้นในกรอบด้านขวา
    ดับเบิ้ลคลิก default แล้วปรับ value data เป็น 1
    ------------------------------------------------------------------------------
    31.ใน winxp มันจะมีคล้าย winzip จะเป็นตัว Built-in Zip
    โปรแกรมนี้ใช้งานง่ายและสะดวก แต่มันจะมีข้อจำกัดและลูกเล่นน้อยกว่าพวก winzip winrar ที่โปรแกรมพวกนี้ถูกสร้างมาเพื่อนบีบคลาย zip โดยเฉพาะ
    เราสามารถยกเลิกการใช้งาน built-in Zip และหันไปใช้ winzip หรือ winrar แทนได้ดังนี้
    ไปที่ start>run พิมพ์
    regsvr32 /u %windir%\system32\zipfldr.dll
    แล้ว ok จากนั้นจะมีการเตือน ให้กด ok อีกครั้ง ก็เป็นการยกเลิก
    ------------------------------------------------------------------------------
    32.เพิ่มความเร็วด้วยการจัดคิวให้กับ IRQ
    เทคนิคนี้เป็นการเร่งความเร็วให้กับเครื่องคอม โดย windows จะทำการจัดคิวให้กับการใช้งาน IRQ ทำให้ windows สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ทำได้ดังนี้
    regedit
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\PriorityControl
    คลิกขวาPriorityControl เลือก new > DWORD Value
    มันจะมีให้ตั้งชื่อว่า IRQ8Priority แล้วดับเบิ้ลคลิกแก้ค่า value data เป็น 1 แล้วกด ok
    จากนั้น restart
    ------------------------------------------------------------------------------
    33.จูนหน่วยความจำสำหรับง่านต่างๆ
    หน่วยความจำเป็นฮาร์ดแวร์ที่สำคัญมากตัวหนึ่ง เทคนิคนี้จะทำหารสั่งให้ไฟล์ระบบต่างๆไปใช้แคชแทนเพื ่อช่วยให้สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น เนื้อจากแคชสามารถทำงานได้เร็วกว่า HDD หลายเท่า ทำได้ดังนี้
    regedit
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\session Manager\Memory Management
    ดับเบิ้ลคลิกที่ LargeSystemCache แก้ value data เป็น 1 แล้วกด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    34.จัดการหั้ย cpu ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
    winXP ได้มีลูกเล่นที่ช่วยในการควบคุมการทำงานของ cpu ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น
    regedit
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic e\P3\Parameters
    คลิกขวาที่ Parameters เลือก new>key
    พิมพ์ชื่อว่า HackFlags แล้วปรับค่าเป็น 1 ก็กด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    35.ยกเลิกการใช้ Picture and fax viewer ในการดูภาพ
    โดยทั่วไปใน winXP จะใช้โปรแกรม Picture and fax viewer เป็นโปรแกรมหลักในการดูภาพ แต่เราสามารถยกเลิกแล้วไปใช้โปรแกรมอื่นดูภาพ เช่น acdsee
    ------------------------------------------------------------------------------
    36.MTU
    เป็นหน่วยหนึ่งที่ใช้กำหนดค่าให้กับการรับส่งข้อมูลผ ่านระบบเครื่อข่ายที่สูงสุดในการส่งแต่ละครั้ง
    ถ้าเราตั้งค่าให้ค้นหาค่า MTU แบบอัตโนมัติ ก็จะทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    regedit
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic es\Tcpip\Parameters
    คลิกขวาParameters เลือก new > DWORD Value
    ตั้งชื่อว่า EnablePMTUDiscovery
    แล้วดับเบิ้ลคลิก พิมพ์ค่าเป็น 1แล้วกด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    37.เพิ่มการรับส่งข้อมูล MTU
    การเพิ่มค่า MTU ให้มากที่สุด ก็เป็นส่วนหนึ่งให้ระบบการรับส่งข้อมูลทางอินเตอร์เน ต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    regedit
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic es\Tcpip\Parameters\interfaces\
    คลิก + หน้าinterfaces จะมีหลายโฟลเดอร์ ให้คลิกขวาที่โฟลเดอร์แรก new >DWORD Value
    ชื่อว่า MTU
    แล้วดับเบิ้ลคลิกใส่ ค่า
    576 ถ้าเปง dial-up Connection
    1492 ถ้าเปง PPP Broadband Connecting
    1500 ถ้าเปง Ethernet , DSL แระ Cable Broadband Connection
    ------------------------------------------------------------------------------
    38.วิธีเร่งความเร็ว Windows ด้วย vitual memory
    เนื่องจากโปรแกรมมีขนาดใหญ่กว่าขนาดหน่วยความจำที่เร ามีใช้งาน คอมจึงจำเป็นต้องมีหน่วยความจำเสมือนหรือ vitual memory เพื่อนมาสามารถทำงานได้ดีขึ้น ทำได้ดังนี้
    regedit
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\Session Manager\Memory Management
    ด้านขวา ดับเบิ้ลคลิกที่ Pagingfiles
    แก้ไข้ value data ให้มีขนาดตามที่ต้องการ โดยที่ค่าแรกสุดจะเป็นค่าต่ำสุดที่ตั้งไว้ให้ แค่ค่าหลังเป็นค่าที่มากที่สุดที่ตั้งไว้
    ของข้าพเจ้าเป็น 200 500
    ------------------------------------------------------------------------------
    39.เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการเก็บไฟล์ระบบไว้ในหน่วยคว ามจำ
    โปรแกรมวินโดว์จำมีหน้าที่ในการจัดสรรเนื้อที่หน่วยค วามจำให้กับระบบต่างๆ โดยปกติเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่กว่าหน ่วยความจำที่มีอยู่ โปรแกรมจะทำการนำข้อมูลที่ไม่ได้ใช้แล้ว ในหน่วยความจำออกมาไว้ใน HDD ก่อนแล้วจึงโหลดข้อมูลข้อมูลชุดใหม่ลงไป
    regedit
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\Session Manager\Memory Management
    ด้านขวา ดับเบิ้ลคลิกที่ DisablePagingExecutive
    แก้เป็น 1 แล้ว ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    40.ยกเลิกหน้าต่างยืนหลังหลังดาวโหลดเสร็จ
    ถ้าไม่ได้ใช้โปรแกรมช่วยดาวโหลด ก้อใช้โปรแกรมของ windows โหลด โดยปกติ ถ้าดาวโหลดเสร็จมันจะมีหน้าต่าง ว่าโหลดเสร็จแล้ว แล้วต้องกด open, open Folder ,close เพื่อปิดหน้าต่าง
    ถ้าต้องการให้มันปิดอัตโนมัติเมื่อดาวโหลดเสร็จ
    ทำดังนี้
    regedit
    HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\Main
    ด้านขวา ดับเบิ้ลคลิกที่ NotifyDownloadComplete
    แก้ไขเป็น Yes
    กด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    41.ลบข้อมูลใน page file หลังจากปิดเครื่อง
    โดยปกติ window จะไม่ทำการลบ หรือสร้าง page file หลังจากที่ windows ทำการปิดโปรแกรมหรือ windows นั่นหมายความว่าถ้าเรามีการใช้งานเครื่องคอมมากๆอาจจ ะทำให้คอมทำงานช้าลง และอาจจะทำให้มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ อีกด้วย
    ดังนั้นควรให้window ทำการลบ page file ทุกครั้งเมื่อมีการปิดเครื่อง ทำได้ดังนี้
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\Session Manager\Memory Management
    ดับเบิ้ลคลิกที่ ClearPageFileAtShutdown พิมพ์ค่าเป็น 1 แล้ว ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    42.safe mode เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาของ window
    ในรูปแบบต่างๆ ซิ่งเป็นการเรียก window ขึ้นมาใช้งานแบบน้อยที่สุดแล้วสามารถเข้าไปตรวจสอบ และแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดที่ทำให้ระบบไม่ทำงาน
    สำหรับ safe mode ของ xp กดปุ่ม f8 ค้างไว้ขณะเครื่องกำลังเข้าสู winxp
    1.safe mode
    เข้าสู่รูปแบบปกติที่เหมือนกับ ver อื่นๆ
    2.safe mode with networking
    เข้าสู่รูปแบบปกติ แต่สามารถเข้าถึงระบบเครื่อข่ายได้
    3.safe mode with command prompt
    เข้าสู่คำสั่ง dos
    4.enable boot logging
    เข้าสู่ลักษณะการเก็บข้อมูลขั้นตอนการบู๊ตเข้าสู่ระบ บลงสู่ไฟล์เอกสาร
    5.enable vga mode
    เข้าสู่ลักษณะที่มีปัญหาเกี่ยวกับการ์ดจอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับจอภาพตัวใหม่
    6.last know good configuration
    คล้ายกับ system restore ย้อนกลับไปหน้าที่มีการจัดระบบที่ดีก่อนหน้านี้
    7. debugging mode
    เข้าสู่การแก้ไขปัญหาในระบบขั้นสูง
    8.start windows normally
    เข้าสู่ win xp ในหน้าปกติ
    9. return to os choices menu
    เข้าสู่ลักษณะเครื่องที่มีหลาย os
    ------------------------------------------------------------------------------
    43.driver ลงใหม่ แล้วมีปัญหาใช้ของเก่าดีกว่า
    เมื่อท่านติดตั้งอุปกรณ์ใหม่แล้วต้องติดตั้ง software driver ลงไป อาจมีผลทำให้เครื่องทำงานผิดปกติ สามารถย้อนกลับไปใช้ของเดิม ดังนี้
    คลิกขวา mycom > propoties
    hardware > device manager
    เปิดหาไดร์เวอร์ที่มีปันหา จาเห็นเป็นตัวกากบาทสีแดง ก็ดับเบิ้ลคลิก
    ไปแถบ driver
    คลิก roll back driver
    กด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    44. วิธีสร้าง Shortcut หน้าเว็บที่ต้องการเข้าบ่อยๆ จากบราวเซอร์ Internet Explorer
    ถ้าหากเจอเว็บไซด์ไหนที่เราถูกใจ หรือมีกระทู้ที่เราต้องการจะติดตามผลจากการโพสของเรา หรือของคนอื่นๆ ให้ทำการคลิ๊กขวาตรงพื้นที่ว่างๆ ของหน้าเว็บ เลือก Create Shortcut แล้วกด OK ก็จะได้ Shortcut สำหรับเข้าหน้าเว็บนั้นๆ อยู่ที่ Desktop แล้วครับ
    ปล. ผมมักจะใช้วิธีนี้บ่อยๆในการติดตามกระทู้ที่ผมเคยถาม -ตอบเอาไว้จากบอร์ดต่างๆหรือ เจอเว็บไหนที่เข้าตาก็จะเก็บ Shortcut เว็บนั้นๆเอาไว้ในเครื่องครับ...
    ------------------------------------------------------------------------------
    45.เปิดหน้าต่าง IE ให้ทำงานได้เร็วขึ้น
    เมื่อใช้งาน IE ไปนานๆ ทำไมโปรแกรมช้าลงทุกที สามารถทำให้เร็วเหมือนตอนติดตั้งใหม่ได้ ดังนี้
    HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\Curr entVersion\Explorer\RemoteComputer\NameSpace
    คลิกขวาที่ D6277990-4C6A-11CF-8D87-00AA0060F5BF แล้ว delete
    แล้วกด yes
    ------------------------------------------------------------------------------
    46.คราวนี้มารู้ว่า registry คืออาไรบ้าง
    registry เปรียบเหมือนศูนย์กลางของข้อมูล ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลต่างๆอย่างเป็นหมวดหมู่ การเพิ่ม ลบ ติดตั้ง แก้ไขทุกอย่างอยู่ในนี้ทั่งหมด
    แต่ละตัวมีหน้าทีไรบ้าง
    HKEY_CLASSES_ROOT
    ใช้สำหรับเก็บสมบัติต่างๆและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ software ทั้งหมดที่ติดตั้งภายในเครื่องคอม
    HKEY_CURRENT_USER
    ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ที่ใช้งานปัจจุบั นที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับ HKEY_USERS
    HKEY_LOCAL_MACHINE
    ใช้สำหรับเก็บข้อมูลด้าน hardware softwareและการตั้งค่าอื่นๆ ภายในเครื่อง ข้อมูลภายในของส่วนนี้จะสามารถใช้งานกับทุกคนที่ใช้ค อม
    HKEY_USERS
    ใช้สำหรับเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ทั้ง หมด จะมีความสัมพันธ์กับ HKEY_CURRENT_USER
    HKEY_CURRENT_CONFIG
    ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการกำหนดค่าต่างๆของ hardware หรือ อุปการณ์ต่อพ่วงทั้งหมด
    ------------------------------------------------------------------------------
    47.จะเปลี่ยนภาษา ~ ให้ใช้งานได้
    ไปที่ start >setting >control panel
    ดับเบิ้ลคลิกที่ Regional and Language Option
    เลือกแถบ Regional Option
    อันบนเปลี่ยนเป็น thai ล่างสุด thailand
    เลือกแถบ Languages
    ใส่เครื่องหมายถูกหน้า install files for complex script..... ต้องมี แผ่น win xp ด้วย
    แล้ว ok
    แล้วไปแถบ advance เลือก thai
    แล้ว ok
    แล้วมาที่ แถบ languages ในกรอบ text services and input language ให้เลือก details...
    เลือกแถบ setting ในกรอบ Installed Services ให้เลือกปุ่ม add เพิ่มตั้งค่าเพิ่มภาษาของแป้นพิมพ์
    แล้ว ok แร้วคลิก key setting เลือก switch between input language แล้ว ไปที่ change key sequence..
    แล้วเลือก Grave Accent ~ แล้ว ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    48.firewall ผนังกั้นแฮกเเกอร์รึป่าว ?
    ใน winxp มีส่วนของการรักษาความปลอดภัยสำหรับการท่องเนต์ จากการถูกแฮกเกอร์เจาะระบบในขณะออนไลน์ ซึ่งมีผลทำให้ ข้อมูลอาจถูกเปิดเผยและถูกทำลายได้
    เราสามารถตั้งค่า firewall ได้ตามนี้
    start>setting>network connection
    เลือกที่ internet ที่ใช้อยู่ คลิกขวา propoties
    ไปแถบ advanced
    ติ๊กถูกที่ protect my com and........ จะเป็นการเปิด firewall
    แล้วก็ ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    49.วิธีเปิด Properties ของ File แบบใช้ Shortcut Keyboard
    จากของเก่าที่ต้องคลิกขวาแล้วเลือก Properties
    โดยให้ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนไปที่ File ที่ต้องการแล้วกด Alt ค้างไว้แล้ว Enter หรือใครเซียนจัดมือขวาจับเมาส์มือซ้ายอยู่ที่คีย์บอร ์ด ก็คลิกขวาแล้วพิมพ์ r ก็ได้นะครับ
    ในหน้าจอ Explorer หรือ My Computer ต้องการให้ View ที่ตั้งเอาไว้เช่น Large Icons,Small Icons,List,Details ไม่เปลี่ยนไป
    ทำได้โดยเปิด Explorer หรือ My Computer ที่เมนูบาร์ด้านบนคลิก Tools>Folder Options หรือหาได้ที่ Start>Control Panel>Folder Options เลือก Tab View เอาเครื่องหมายถูกหน้า Remember each folder's view settings ออก
    by ttddr
    ------------------------------------------------------------------------------
    50.เพิ่มความเร็วในการ รีเฟรชจอภาพ
    ในการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งเมื่อมีการเพิ่มโฟลเดอร์หรื อลบสิ่งต่างๆในหน้าต่างย่อย ต้องกดรีเฟรชโดยการกด F5 เพื่อดูค่าที่เปลี่ยนแปลง
    เราสามารถให้มันรีเฟรชภาพอัตโนมัติ ได้ ดังนี้
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l
    แล้วกดที่ update ด้านซ้าย
    ด้านขวา จะเห็น UpdateMode ให้คลิกขวา modify
    ที่กรอบ base เลือกเป็น Decimal แล็ว value data เป็น 0
    แล็ว ok
    ต่อไปเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ต้องกดรีเฟรชอีกต่อไ ป ^^
    ------------------------------------------------------------------------------
    60.วิธีการเปิดพวก My Com... หน้าต่างตามเดสทอปให้เร็วขึ้นคือ
    - คลิกขวาที่ My Com... > Properties >คลิกที่แถบ Advance > ในหมวดของ Performance คลิก Settings> คลิกที่แถม Visual Effects ติ๊กที่ Adjust for best performance เสร็จแล้วๆ ~ ~
    ------------------------------------------------------------------------------
    61.ลบไฟล์ชั่วคราวบ้างนะ เพราะมันเป็นไฟล์ขยะที่จะทำให้พื้นที่ของ HDD เต็มเร็วขึ้นและไม่เกิดปะโยชน์
    ไปที่ start > run พิมพ์ %temp% แร้ว ok
    แล้วจะเข้ามาสู่ไฟล์ขยะ เราก็ลบไปให้หมดเลย
    ------------------------------------------------------------------------------
    62.เปิดรูปใน ie ทำไมภาพชอบลดรูป
    แก้โดยไปที่ tool > internet option
    แถบ advance
    ดูตรง multimedia
    ติ๊กถูกออกตรง enable automatic image resize
    ------------------------------------------------------------------------------
    63.คืนรหัสผ่านใน winxp สำหรับคนขี้ลืม
    ไปที่ start>setting >control panal
    ดับเบิ้ลคลิกไอคอน user accounts
    เลือก user account ที่ต้องการ
    คลิกที่ prevent a forgotten password
    คลิกปุ่ม next
    ใส่แผ่นไดร์ฟ a ลงไป แล้ว next
    ใส่รหัสผ่านลงไปในช่อง current user account password
    แล้ว next โปรแกรมจะสร้าง password reset disk ทันที
    หลังจากนั้นก็ next เรื่อยๆ จนถึง finish
    ------------------------------------------------------------------------------
    64.เพิ่มความเร็วโดยการใช้งาน UDMA66
    UDMA66 เป็นโทคโนโลยีในการเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่ใน HDD ความเร็วที่ได้จะมีมากกว่าการใช้งานในโหมดอื่นๆ
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\Class\{4D36E96A-E325-11CE-BFC1-08002BE10318}\0000
    คลิกขวาที่ 0000 เลือก new > DWORD Value
    พิมพ์ชื่อว่า EnableUDMA66
    แล้วดับเบิ้ลคลิก แก้เป็น 1 แล้ว ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    65.ปิดโปรแกรม non-respond เมื่อ shutdown
    โดยปกติแล้วเมื่อมีการสั่ง shutdown window แล้ว โปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่จะขึ้นค่ามาเป็น non-respond แล้วให้เราเลือกว่าจาทำอะไรกับโปรแกรม ซึ่งปกติจาปรากฏปุ่ม end task เพื่อที่จะปิดโปรแกรม แต่ถ้ามีการเปิดโปรแกรมเยอะๆล่ะ ต้องมานั่งปิดทีละอัน
    HKEY_USERS\.DEFAULT\Control Panal\Desktop
    ดับเบิ้ลคลิก AutoEndTasks
    แก้เป็น1 แล้ว ok
    แล้วบู๊ตเครื่องใหม่ คราวนี้ window ก็จะทำการปิดโปรแกรมที่ non-respond โดยอัตโนมัติ
    ------------------------------------------------------------------------------
    66.เขียนอ่านสบายตา ClearType
    ClearType คือรูปแบบการแสดงตัวอักษรที่ microsoft ได้พัฒนาขึ้น เพื่อให้ท่านสามารถอ่านและเขียนตัวอักษรต่างๆได้ชัดเ จนและสบายตายิ่งขึ้น
    การเปิดใช้งาน ClearType สามารถทำง่ายๆโดย
    คลิกขวาที่ desktop เลือก propoties
    จะขึ้น display propoties ให้คลิกแถบ appearance
    จากนั้นคลิก effect ใน effect ให้ติ๊กถูกตรง use the following method to smooth edge of screen fonts
    แล้วเลือกที่ ClearType
    ------------------------------------------------------------------------------
    67.นำโปรแกรมรุ่นเก่าๆเอามาเปิดบน winxp
    โปรแกรมรุ่นเก่าๆ ไม่สามารถที่จะมาเปิดใน winxp ได้
    แต่เราสามารถที่จะเปิดโปรแกรมนั้นได้ โดย
    ไปที่ start > program>Accessories>Program Compatibility Wizard
    จะปรากฏหน้าต่าง help and support center
    กด next
    เลือกอันแรก i want to choose..... แล้ว next
    เลือกโปรแกรม แล้ว next
    เลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการให้ทำงาน แล้ว next
    เลือกความละเอียดของจอภาพให้ดูความเหมาะสม แล้ว next
    แล้วก็ next ไปอีก
    จาปรากฏโปรแกรมที่เลือก
    แล้วเลือก ข้อแรก yes,set this program..... แล้ว next
    เลือก no แล้ว next
    แล้ว finish
    ------------------------------------------------------------------------------
    68.ใช้ winxp ไม่ได้ ถ้าไม่มีแผ่นดิสก์
    โปรแกรม winxp มีความปลอดภัยที่โปรแกรมอื่นๆไม่มี คือ สามารถไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้งานเครื่องเราได้ ถ้าไม่มีแผ่นดิสก์
    ทำได้ดังนี้
    start>run พิมพ์ syskey แล้ว ok
    ปรากฎหน้าต่าง Securing the Windows... คลิกปุ่ม update
    ปรากฎหน้าต่าง startup key
    ในกรอบ system generated password คลิกที่ช่อง Store Startup Key on Floppy Disk
    กด ok
    ใส่แผ่น A: ลงไป แล้วกด ok
    หน้าต่าง save startup key จะปรากฏขึ้นคลิก ok
    จะปรากฏหน้าต่าง save startup key อีกครั้ง แล้วคลิก ok เป็นอันเสร็จสิ้น เราก็จาได้แผ่น startup key disk ไว้ใช้งาน ทุกครั้งที่เข้าสู่โปรแกรม winxp จะมีการเตือนให้ใส่ แผ่น เสมอ คนที่ไม่มีแผ่นจึงไม่มีสิทธิมาใช้งานได้
    ------------------------------------------------------------------------------
    69.คนที่เปิด task manager ไม่ได้ ลองเข้าไปดู HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\Curre ntVersion\Policies\System
    แล้วดูด้านขวาว่ามี DisableTaskMgr รึป่าว ถ้ามี ลบไปเลย แล้ว ลอง restart เครื่อง
    ------------------------------------------------------------------------------
    70.เปลี่ยนรูปโลโก้win บน IE
    สามารถเปลี่ยนรูปได้ดังนี้
    รูปต้องเป็น22*22หรือ38*38 256สี และต้องเป็น .bmp
    ไปที่ start>run พิมพ์ gpedit.msc แล้ว ok
    เลือก User Configuration > windows setting > internet explorer maintenance > browser user interface
    ด้านขวา ดับเบิ้ลคลิก custom logo
    จะปะกอบ 2 ส่วน ภาพนิ่งแระภาพเคลื่อนไหว เลือกเอาส่วนใดส่วนหนึ่ง
    คลิก browse.....ไปยังที่อยู่ของรูป แล้วกด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    71.ปรับแต่ง winxp ให้เข้ากับความสเถียนภาพของเครื่อง
    ถ้าเครื่องท่านเก่า แต่อยากลง xp ลงแล้วเครื่องช้า ไม่เร็วเมื่อแต่ก่อน เราสามารถลดองค์ปะกอบที่ไม่จำเป็น เพื่อนช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
    คลิกขวา my com >propoties
    เลือกแถบ advance
    ตรงกรอบ performance ไปที่ setting
    แถบ visual effects
    คลิกที่ custom
    แล้วก็เลือกตามความเหมาะสมของเครื่อง
    โดยการเอาถูกออก เพื่อลดทรัพยากรในระบบลง
    แล้ว ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    72.หยุดเวลาสตาร์ท winxp ให้เร็วขึ้น
    เวลาเปิดเครื่องคอม ตอนเริ่มต้นจะนานเป็นพิเศษเนื่องจากไมโครซอฟให้มีการ หน่วงเวลาไว้ประมาณ 30 วินาที ก่อนเข้าสู่การใช้งาน
    เราสามารถให้ไม่ต้องหน่วงเวลาได้ ดังนี้
    คลิกขวา my com > propoties
    แถบ advance ที่กรอบ startup and recovery กด setting ให้เอาเครื่องหมายถูกออกหน้า time to display list of operating systems ออก
    แล้ว ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    73.เปิด IE ให้เต็มจอทันที
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Internet Explorer\Main
    ด้านขวาจาพบ fullscreen ดับเบิ้ลคลิก แล้วแก้เป็น yes แล้ว ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    74.ดึงขุมพลังการปะมวลผลสูงสุด
    ทิปนี้สำหรับคนที่ต้องการใช้ประสิทธิภาพของโพสเซสเซอ ร์แบบเต็มเปี่ยม ด้วยคำสั่งข้างล่างนี้จะทำให้ winxp ไม่ต้องไปวุ่นวายกับงานต่างๆที่รันในแบคกราวน์ เพื่อว่ามันจะได้สามารถทำงานกับสิ่งที่ท่านต้องการให ้ทำเต็มที่ เช่น เมื่อท่านต้องการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกสูงๆ
    ไปที่ start >run พิมพ์คำสั่ง
    Rundll32.exe advapi32.dll, ProcessIdleTasks แล้ว ok
    แค่นี้ก็เร่งพลังกลับมาได้แล้ว
    ------------------------------------------------------------------------------
    75.ปิด xp ให้เร็วขึ้นอีกหน่อย
    เวลาส่วนหนึ่งของการปิด win ทุกเวอร์ชัน จะถูกใช้ในการรอโหลดไฟล์เสียง ดังนั้นท่านสามารถปิดเสียงที่ไม่ค่อยมีประโยชน์นี้ เพื่อเร่งให้ xp ปิดเครื่องได้เร็วขึ้นอีกหน่อย
    ไปที่ start >setting>control panel ไปที่ sound and audio device
    ไปแถบ sounds สังเกตที่ program event เลือกไปที่เหตุกาน
    exit windows กำหนด sound ด้านล่างให้เป็น none แล้ว ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    76.ทิปนี้สำหรับเครื่องที่แรมเยอะๆ 512 ขึ้นไปถึงจะเห็นผลชัด
    เร่งความเร็วด้วยการปรับค่า prefetcher
    ปกติ winxp จะมีเซอร์วิสที่ชื่อว่า prefetcher ซึ่งทำหน้าที่คอยดูแลโปรแกรมต่างๆ ที่เริ่มต้นทำงานตอนเปิดเครื่องใหม่ โดยช่วยให้มันเริ่มทำงานได้เร็วขึ้น
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\Session Manager\Memory Management\PrefetchParamenters
    ด้านขวา ดับเบิ้ลคลิก EnablePrefetcher
    ปกติมีค่าเป็น 3 สามารถปรับแต่งได้ระหว่าง 1-6.5
    แต่เราปรับเป็น 6 เลย แล้ว ok
    แล้วลองบู๊ตเครื่องใหม่
    ------------------------------------------------------------------------------
    77.เล่นเนต์นานๆแล้วอืด
    ส่วนตัวเราจะใช้วิธีลบแคช DNS ของ winxp
    พอหลังจากลบ จะเพื่มความเร็วในเข้าเวปเร็วขึ้น
    อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะ กรุนาใช้วิจารณยานในการทำ
    ไปที่ start >run พิมพ์ ipconfig /flushdns แล้ว ok
    ท่านจะทำเป็นช๊อตคัด ก็ได้
    ------------------------------------------------------------------------------
    78.เอาใหม่แบบ เต็มๆ ลง WIN XP
    เริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บู๊ตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบู๊ต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรกครับ (ถ้าหากเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร) ทำการปรับเครื่อง เพื่อให้บู๊ตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็บู๊ตเครื่องจากแผ่นซีดี Windows XP Setup โดยเมื่อบู๊ตเครื่องมา จะมีข้อความให้กดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อบู๊ตจากซีดีครับ ก็เคาะ Enter ไปที่นึงก่อน โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและเช็คข้อมูลอยู่พักนึง รอจนขึ้นหน้าจอถัดไปครับ เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป การเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะครับ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่ครับ หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง (ให้ใส่แผ่นซีดีไว้ในเครื่องแบบนั้น แต่ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ เมื่อบู๊ตเครื่องใหม่ ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปเองได้เลยครับ) หลังจากบู๊ตเครื่องมาคราวนี้ จะเริ่มเห็นหน้าตาของ Windows XP แล้วครับ รอสักครู่ โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ ครับ จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ปรับเวลาให้เปง bangkok hanoi...ฯ ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป ทำการใส่ Product Key (จะมีในด้านหลังของแผ่นซีดี) แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป รอครับ รอ รอ รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จ เรียบร้อย ก็พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ครับ จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ บู๊ตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบู๊ตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional ครับ ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไรนะครับ เริ่มต้นบู๊ตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP แล้วครับ ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลยครับ นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้เราทำการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ชื่อก่อนเข้าใช้งาน ก็ใส่ชื่อของคุณเข้าไปได้เลย เสร็จแล้วครับ
    ------------------------------------------------------------------------------
    79.ส่วนปรับค่าใน extra setting
    คลิกขวา my com > propoties
    แถบ hardware กด device manager
    ดับเบิ้ลคลิกที่โมเด็มไปที่แถบ advance
    ตรง extra setting
    ATS15=128&K3 S2=255&W S12=0 S10=100 S11=35 S27=64 S28=0 S36=7
    เอาไปใส่
    ------------------------------------------------------------------------------
    80.เพิ่มความปลอดภัยด้วยการลดไฟล์ชั่วคราวออก
    ในขณะที่เราเปิด IE เพื่อเข้าไปยังเวปต่างๆ ไฟล์ html ต่างๆ จาถูกดาวโหลดไปเก็บไว้ที่เป็นไฟล์ชั่วคราวเพื่อประโย ชน์ในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเข้าไปในเวปทั่วๆไป ไฟล์เหล่านี้ก็ไม่มีค่าไร และถ้าท่านข้าไปใน
    เวปซื้อของแบบออนไลน์หรืออออนไลน์แบงค์กิ้ง ไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเปิดอ่านและนำข้อมูลส่วนตัวไปใ ช้เพื่อสร้างความเสียหายได้
    เราควรลบไฟล์ชั่วคราวเหล่านี้ทุกๆครั้งที่เข้าเวป หรือให้ IE ลบออกทุกๆครั้งโดยอัตโนมัติ
    เปิด IE
    ไปที่ tools>internet options
    ไปที่แถบ advance
    ในหัวข้อ security
    ให้เลือกติ๊กถูกที่ empty temporary internet files folder when browser is close
    กด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    81.status bar ชอบล่องหน
    หลายคนหาประสบปัญหานี้
    status bar ที่อยู่ด้านล่างชอบหายไปเฉยๆ ทิปนี้จะช่วยให้ status bar ไม่หายอีก
    1. เปิด ie ไปที่ view > status bar แล้วปิด ie
    2. เปิด my com ไปที่ view > status bar แล้วไปที่ tools > folder options
    3. คลิกแถบ view คลิกปุ่ม apply to all folders กด ok
    4. จบ
    ------------------------------------------------------------------------------
    82.เมื่อถึงคราวที่วินโดว์ของคุณเกิดทำงานผิดพลาดบ่อ ยครั้ง
    อันเนื่องมาจากไฟล์ของ
    ระบบเสียหาย คุณสามารถติดตั้งเฉพาะตัวโปรแกรมวินโดว์ใหม่โดยไม่จำ เป็น
    ต้องฟอร์แมตแล้วลงวินโดว์และติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ เข้าไปใหม่ให้เสียเวลา
    นอกจากนี้คุณยังไม่ต้อง มานั่งปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ใหม่อีกครั้งแต่อย่างใดด้วย
    1. เปิดเครื่องบู๊ตเข้าสู่วินโดว์ตามปกติ
    2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์ใส่ลงในไดร์ซีดีรอม
    3. คลิกปุ่ม Start -> Run
    4. พิมพ์คำสั่ง E:\i386winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK
    5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์ให้คุณ ใหม่โดยยังคงรักษา
    ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม
    ------------------------------------------------------------------------------
    83.การพิมพ์รายชื่อไฟล์จำนวนมากอย่างรวดเร็ว
    สำหรับผู้ที่ต้องการแบ็กอัพข้อมูลเก็บไว้ในซีดีและต้ องการพิมพ์หน้าปกเพื่อบอกว่าในซีดี
    แผ่นนั้นๆ มีไฟล์หรือโฟลเดอร์อะไรบ้าง หรือกรณีที่ต้องการพิมพ์รายชื่อเพลง MP3
    ในแผ่นซีดีออกมาดู การนั่งพิมพ์ด้วยตัวเองคงไม่ใช่วิธีที่สะดวกนัก โชคดีที่คุณสามารถ
    สั่งพิมพ์รายชื่อไฟล์ไม่ว่าจะมากหรือน้อยขนาดไหนได้อ ย่างสะดวกง่ายดายด้วยโปรแกรม
    ACDSee
    1. เปิดโปรแกรม ACDSee
    2. คลิกเลือกโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ที่ต้องการพิมพ์รายชื่อ จากรายการในหน้าต่างด้านซ้าย
    3. สังเกตจะมีรายชื่อไฟล์ปรากฏขึ้นในหน้าต่างด้านขวา
    4. กดปุ่ม Ctrl+G ชื่อไฟล์ทั้งหมดจะถูกนำไปใส่ไว้ในโปรแกรม NotePad
    5. ก็อบปี้ข้อความที่ได้จากโปรแกรม NotePad ไปจัดรูปแบบให้สวยงามด้วย
    Microsoft Word หรืออื่นๆ แล้วสั่งพิมพ์ตามต้องการ
    ------------------------------------------------------------------------------
    84.ทำแผ่นบู๊ตของ winxp
    เอาแผ่นเปล่า a:
    ไปที่ my com
    คลิกขวา a:\ เลือก format
    ครง format option
    ติ๊กถูกตรง Create an MS-DOS startup disk
    แล้ว start
    ------------------------------------------------------------------------------
    85.การเพิ่มตัวเลือกในเมนูคลิกขวา(คลิกขวาที่Folderห รืออื่นๆ)](ฉบับอธิบายเข้าใจแบบถ่องแท้)
    Regedit
    HKEY_CLASSES_ROOT\Foler\shell
    แล้วคลิกขวาที่เมนูshellแล้วสร้างคีย์ใหม่ว่า
    Notepad(คลิกขวาที่shellแล้วเลือกNew>Key
    แล้วมันจะมีตัวใหม่ขึ้นมาที่ชื่อNew Key #1
    แก้เป็นชื่อNotepad
    เสร็จแล้วคลิกขวาที่Notepadแล้วสร้างตัวใหม่ขึ้นเหมื อน
    เดิมให้ชื่อว่าCommandนะคับ
    เสร็จแล้วในCommand(ทางขวามือ)
    จะมี(Default) อยู่นะ ดับเบิ้ลคลิกแล้วใส่ว่า
    NOTEPAD คับ
    แล้วok คราวนี้เราจะมาtestดูกัน
    ลองคลิกขวาที่Folderใดๆก็ได้ จะเห็นว่ามีNotepad
    อยู่ข้างใต้Exploreอยู่ เมื่อลองคลิกดูก็จะปรากฏขึ้นNote
    padขึ้นมา ..
    จากตรงนี้คุณก็จะสามารถ นำตรงนี้ไปประยุกต์ใช้งานได้ครับ ^^
    *ป.ล. ชื่อที่ใส่ในDedaultน่ะ ต้องเป็นไฟล์.exe
    เท่านั้นน่ะคับ
    ------------------------------------------------------------------------------
    86.การปริ้นรายการในFolderที่เราต้องการคับ
    Regedit
    HKEY_CLASSES_ROOT\Foler\shell
    แล้วคลิกขวาที่เมนูshellแล้วสร้างคีย์ใหม่ว่า
    Printแล้วสร้างในPrintว่าCommand
    ในDefaultให้ใส่ว่าPT.BATแล้วok
    ต่อมาก็เปิดNotepadขึ้นมาแล้วพิมพ์
    @echo off
    dir %1 >C:\WINDOWS\test.fil
    notepad /p C:\WINDOWS\test.fil
    echo on
    แล้วsaveไว้ใน Windows ใช้ชื่อว่า PT.BAT
    จากนั้นก็ลองทดสอบTestดูครับ
    มันจะปริ้นรายการทั้งหมดในFolderที่เราสั่งครับ
    ป.ล. ท่านสามารถนำส่วนนี้ไปประยุคอย่างอื่นได้อีกเยอะเลย
    ------------------------------------------------------------------------------
    87.อันนี้ช่วยให้โมเดม auto dial
    ไปที่
    HKEY_CURENT_USER\Software\Microsoft\Windows\Curren tVersion\Internet Setting
    คลิกให้ Internet Setting เป็นสีน้ำเงิน
    แล้วไปที่ด้านขวา
    คลิกขวา new > DWORD Value
    ตั้งชื่อเป็น EnableAutodial
    แล้วดับเบิ้ลคลิกเป็นค่า 1
    ถ้าจะยกเลิกก้อปรับเป็น 0
    ------------------------------------------------------------------------------
    88.รันโปรแกรมเก่าใน dos
    คำสั่ง forcedos ตามด้วยชื่อโปรแกรม
    ------------------------------------------------------------------------------
    89.เพิ่มคำสั่ง Copy To Folder บนคอนเท็กเมนู
    อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราสามาดคัดลอกไฟล์ในโฟลเดอร์ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
    regedit
    ไปที่
    HKEY_CLASSES_ROOT\AllfilesystemObject\shellex\Cont extMenuHandlers
    คลิกขวาที่ ContextMenuHandlers
    ไปที่ new > key
    พิมพ์คีย์ชื่อ Copy To Folder
    ดูด้านขวา ดับเบิ้ลคลิกที่ Default แก้ไข้เป็น
    {C2FBB630-2971-11d1-A18C-00C04FD75D13}
    กด ok
    ------------------------------------------------------------------------------
    90.จำกัด Links ใน Favorites ทิ้งไปซะ
    หลายคนคงไม่ได้ใช้หรือรำคาญ รวมถึงผมด้วย
    regedit
    ไปที่
    HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Internet Explorer\Toolbar
    ดับเบิ้ลคลิกที่ LinksFolderName ที่ด้านขวา
    แก้ไข้ข้อความใน Vaule data ให้เป็น
    เพื่อกำจัด Link ใน Favorites
    คลิก ok
    แล้วไปที่ IE
    ไป Favorite >คลิกขวาที่ Links แล้ว Delete ไปเลย
    เท่านี้ก็ไม่มี Links แล้ว